ที่แกนกลางนำทางต่างมีเงามืด แสดงให้เห็นว่าอาณาเขตเหล่านี้มีปัญหาไม่น้อย
เยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะอย่างคร่าวๆ สักพักหนึ่ง พบว่านี่นั่นยังเป็นตำแหน่งสำคัญของตำหนักโอสถพอดี
แกนกลางหลักของตำหนัก ห้องยาหลัก โกดังโอสถ โกดังสมุนไพร…
ส่วนสำคัญเหล่านี้ถูกเงามืดครอบคลุมไว้ทั้งสิ้น
แกนกลางหลักไม่จำเป็นต้องอธิบายมากความ ถ้าเทียบกับแกนกลางนำทางและโถงต้อนรับหรือโถงใหญ่ ที่นั่นก็คือห้องควบคุมหลักแล้ว
สิ่งที่ควรค่าแก่แการเอ่ยถึงก็คือ ที่นี่เก็บตำรับยาของโอสถเซียนยาวิญญาณที่ล้ำค่าไว้เป็นจำนวนมาก ถึงขั้นที่ครบถ้วนยิ่งกว่าบันทึกในหอเก็บหนังสือ มีตำรับยาไม่กี่ตำรับที่หอเก็บหนังสือไม่ได้เก็บไว้ มีแต่ที่นี่เท่านั้นถึงจะมี
ห้องยาหลัก เป็นสถานที่ที่มีเงื่อนไขทางสภาพแวดล้อมดีที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดท่ามกลางห้องสงบใจที่เอาไว้หลอมโอสถมากมาย
ในอดีต เตาวิเศษหลอมโอสถระดับสุดยอดในวังเทพ รวมถึงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ส่วนใหญ่แล้วล้วนตั้งอยู่ที่นั่น ผู้ที่มีคุณสมบัติใช้ห้องยาหลักหลอมโอสถ ทั่วทั้งวังเทพมีแค่คนไม่กี่คน
โกดังโอสถ ในด้านหนึ่งแล้วถือเป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดที่สุด เป็นเพราะว่าที่นั่นเก็บโอสถเซียนยาวิเศษสำเร็จรูปของตำหนักโอสถที่ถูกหลอมสร้างขึ้นแต่ไม่มีคนเอาออกไปไว้เป็นจำนวนมาก
ตำหนักโอสถไม่ได้ถูกทำลายในวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย การเก็บรักษาของโกดังโอสถก็สมควรสมบูรณ์แบบ
ส่วนโกดังยาเอาไว้เตรียมสมุนไพรวิญญาณ ยาวิญญาณ รวมถึงวัตถุดิบวิเศษทั้งหลายซึ่งเตรียมเอาไว้หลอมโอสถ ดูจากคุณค่าไม่ได้ด้อยกว่าโกดังโอสถเท่าไรนัก
เยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองรอบๆ สังเกตเห็นจุดเปื้อนที่เหมือนกับสิ่งแปลกปลอมในลำแสงเหล่านั้น พวกมันหมายถึงพวกเยี่ยนตี๋ที่เข้ามาในตำหนักโอสถ
พวกเขาไม่เหมือนกับเยี่ยนจ้าวเกอที่สามารถหาเส้นทางในตำหนักโอสถได้ จึงได้แต่ต้องหยุดชะงัก
การเดินทางในความว่างเปล่ากลางจักรวาลภายในตำหนักโอสถ ถ้าหากไม่มีวิธี ความจริงก็ไม่ต่างกับเดินอยู่ที่เดิม
มีแต่ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่ระดับพลังฝึกปรือสูงถึงขั้นหนึ่งเท่านั้น จึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่ต้องสนใจกฎเกณฑ์ส่วนหนึ่ง
แต่ว่าระดับพลังฝึกปรือของพวกเยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบัน ยังไม่ถึงขั้นที่ใช้สภาวะกดข่มคนได้
‘น่าเสียดายที่ไม่อาจเปิดผนึกส่วนหนึ่งเป็นการเฉพาะได้ ต้องเปิดทั้งหมด’ เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปากด้วยความเสียดาย ‘นี่ถ้าหากมีคนอื่นตามเข้ามา ก็ราบรื่นไร้อุปสรรคแล้ว’
ความได้เปรียบที่ได้มาก่อนย่อมไม่อาจละทิ้งได้ง่ายๆ เยี่ยนจ้าวเกอโอดครวญในใจ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปขีดเขียนใส่อากาศ
ตราอาคมสายแล้วสายเล่าผนึกอยู่กลางอากาศ ก่อนจะกลายเป็นตัวอักษรที่วิจิตรลี้ลับตอนหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเรียกเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็ประทับลงไปเหมือนกับลงชื่อประทับตราเป็นครั้งสุดท้าย
ต่อมา ตัวหหนังสืออาคมที่พิสดารนั้นก็พุ่งสู่ฟากฟ้า หายไปในความว่างเปล่ากว้างใหญ่ที่มีแสงดาวพร่างพราว
ไม่นานเท่าไร ลำแสงที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็สั่นไหวพร้อมกัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
ความเร็วไหลเวียนของกลุ่มแสงเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้เป็นลำแสงที่ต่อกันเป็นเส้นเดียวอีกต่อไป แต่กลุ่มแสงมากมายเคลื่อนไหวอย่างแช่มช้าตามแบบแผนและเส้นทางโคจรบางอย่าง ชัดเจนแยกแยะได้
จากนั้น ‘สิ่งแปลกปลอม’ ในกลุ่มแสงเหล่านั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นชัดแจ้งตามไปด้วย ราวกับเงาคนหลายสาย เพียงแต่ว่าทิวทัศน์ยังคงพร่าเลือนมาก แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
กระนั้น การเคลื่นไหวของเงาร่างเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าเปลี่ยนเป็นคล่องแคล่วขึ้น เริ่มหาเส้นทางของตัวเอง ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่ที่เดิมอีก
‘ยังไม่ชินกับที่นี่นัก ถ้าหากได้ทำความเข้าใจอีกสักหลายวัน สมควรศึกษาที่นี่ได้ล้ำลึกกว่าเดิม ถึงเวลานั้นการติดต่อกับพวกท่านพ่อจากที่นี่โดยตรงก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว แต่เวลาไม่คอยคน’ เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งสังเกตทางหนึ่งครุ่นคิด
ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่ามีคนกำลังรบกวนตนอยู่ ทำให้เขาควบคุมที่นี่ได้ยากกว่าเดิม คงจะเป็นศัตรูที่ก่อนหน้านี้ได้ใช้เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเป็นกับดักผู้นั้นแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายร่างวูบหนึ่ง เหมือนกับแยกร่างเปลี่ยนเงา ด้านข้างเพิ่มคนผู้หนึ่งมา เป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเขา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเปลี่ยนกลับสู่ร่างคนตั้งแต่แรก หลังจากปรากฏขึ้นก็มอง ‘ดวงดาว’ เบื้องหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงทิ้งร่างแยกไว้ที่นี่ จากนั้นก็ผละจากไป ออกเดินทางอีกครั้ง
แบบแผนการเปลี่ยนแปลงของทิศทาง และเส้นทางแต่ละเส้นทางด้านในตำหนักโอสถ ยามนี้เขาพอทำความเข้าใจได้คร่าวๆ แล้ว
ตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปสืบค้นในอาณาเขตเงามืดเหล่านั้น
อีกฝ่ายคล้ายกับมีเรื่องต้องทำ รวมถึงไม่มีเวลาขัดขวางไม่ให้พวกเขาทะลวงเข้ามา นี่ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีประการหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี