ตรงหน้าคล้ายเป็นห้องยาห้องหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปรอบๆ ถึงขั้นที่เห็นเตายาเตาหนึ่งด้วย
หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต เวลาก็ได้ล่วงเลยไปนานมากแล้ว ตามปกติแล้วของวิเศษไร้นายส่วนใหญ่ปราณวิญญาณต่างสลายสิ้นเพราะการชำระล้างจากกาลเวลา สุดท้ายก็เหมือนกับสิ่งของทั่วไป ฝุ่นกลับสู่ฝุ่นดินกลับสู่ดิน
หากแต่เตายาตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอนี้ ถึงแม้จะดูออกว่าไม่ได้ใช้มาหลายปี แต่ปราณวิญญาณด้านในยังคงอยู่
‘เหอะ ไม่ว่าจะเป็นเตายาในตำหนักโอสถเตาไหน เมื่อมาอยู่ในวันนี้ล้วนเป็นของวิเศษ’ เยี่ยนจ้าวเกอไม่เกรงใจ เก็บเตายาเตานั้นก่อน
คนทั้งสี่คนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย เยี่ยนจ้าวเกอไม่เป็นกังวลจริงๆ
ตอนที่เคลื่อนย้ายมิติเวลาเมื่อครู่ เยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะออกแล้วว่านี่เป็นความพิสดารของตัวตำหนักโอสถ ไม่ใช่กับดักที่สร้างขึ้นเป็นกรณีพิเศษ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นอีกฝ่ายหยิบยืมความพิสดารของตำหนักโอสถ เคลื่อนย้ายมิติ ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอพลัดหลงกัน
แต่ก็เพียงเท่านี้
นี่กลับทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของอีกฝ่าย
‘บอกว่าอ่อนแอยังไม่เหมาะนัก’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ‘เหมือนกับกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ ปลีกตัวมาไม่ได้ชั่วคราว ดังนั้นได้แต่ทำให้พวกเราพลัดหลง ถ่วงฝีเท้าของพวกเราเพื่อช่วงชิงเวลาให้แก่ตัวเอง’
ก่อนหน้านี้ ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางคล้ายมอบแรงกดดันให้แก่อีกฝ่าย
เพื่อรับมือกับแรงกดดันที่สั่วหมิงจากนำมา อีกฝ่ายจึงกำลังดำเนินแผนการบางอย่าง
‘เขาดำเนินการถึงขั้นไหนแล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด ผลักเปิดประตูห้องยาห้องนี้ แล้วเดินออกไปด้านนอก
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเป็นระเบียงยาวมืดมิดมัวซัว เหมือนกับวังวนลึกของจักรวาล กลิ่นโอสถเข้มข้นครอบคลุม ขัดขวางการรับรู้ต่อความว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไปยิ่งกว่าของเยี่ยนจ้าวเกอในระดับหนึ่ง ทำให้ความรู้สึกถูกปิดกั้นอยู่ในอาณาเขตหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเยือกเย็น มองไปด้านซ้าย จากนั้นก็มองด้านขวา เลือกทิศทางหนึ่งแล้วเดินออกไปอย่างไม่นำพา
การเดินอยู่บนระเบียงยาวนี้เหมือนกับเดินอยู่ในความว่างเปล่ากลางจักรวาลไร้สิ้นสุด แต่มองไม่เห็นแสงดาวแม้แต่น้อย ทั้งสองฟากข้างของระเบียงยาวก็ไม่เห็นตัวตึกหรือประตูของห้องยาห้องอื่น
เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับไปมอง เห็นประตูของห้องยาที่ตนออกมาปิดสนิทและหายไปแล้ว
ที่นั่นล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดเหมือนกับโลกมิติเวลาที่เป็นเอกเทศใบหนึ่ง
‘ที่นี่เหมือนกับจักรวาลใหม่ ในจักรวาลมีมิติเวลาและโลกมากมายดำรงอยู่ร่วมกัน’ เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอันใดออก ‘เหมือนกับเมฆดาราปฐมกำเนิด แต่ว่าเจริญยิ่งกว่า และมีลักษณะใกล้เคียงกับจักรวาลใหม่เอี่ยมยิ่งกว่า’
ในชาติก่อน เขาได้แต่มองดูตัวตำหนักโอสถจากที่ไกลๆ ไม่เคยเข้าไปด้านใน แต่ด้านในห้องเก็บหนังสือวังเทพก็มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำหนักโอสถอันเป็นสถานที่สำคัญของวังเทพเช่นกัน กอปรกับได้ฟังเรื่องราวที่กล่าวถึงตำหนักโอสถ เยี่ยนจ้าวเกอจึงรู้จักที่นี่คร่าวๆ ไม่ถึงกับสองตามืดบอดโดยสิ้นเชิง
‘ที่นี่…’ เยี่ยนจ้าวเกอนึกย้อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกมาเขียนยันต์อาคมมากมายใส่อากาศ ยันต์อาคมที่เปล่งแสงสีทองจางๆ ต่างขยับเขยื้อนเหมือนมีชีวิตขึ้นมา
จากนั้นยันต์อาคมแสงทองเหล่านี้ก็กลืนกินปราณม่วงหลายสาย คล้ายกับกลายเป็นหอกสีม่วงบริเวณหนึ่งกลางอากาศ
หมอกม่วงส่ายไหว ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏเส้นทางที่ชัดเจนอย่างเลือนราง
พอก้าวสู่เส้นทางที่ส่องแสงสีทองเส้นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกเดินมุ่งหน้า เพียงแต่ว่า ทุกๆ ครั้งที่ก้าวเท้าออก ต่างเหมือนกับเหยียบเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง
เดินถึงปลายทาง ในที่สุดก็มีประตูบานใหม่ เยี่ยนจ้าวเกอทดลองเปิดประตู แต่ว่าไม่มีผลใดๆ ประตูใหญ่ไม่ขยับแม้แต่น้อย
‘เป็นที่นี่ไม่ผิดแน่’ เห็นดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกับมั่นใจ พยักหน้าเบาๆ
หลังจากเขาพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบๆ อยู่พักหนึ่งก็แบมือออก แสงสีทองเจิดจ้าสว่างขึ้นมา ปราณสีม่วงไร้สิ้นสุดลอยอวล เตาสามขาขนาดใหญ่เตาหนึ่งปรากฏขึ้นกลางมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี