สำนึกที่วิญญาณตำหนักโอสถได้ทิ้งเอาไว้กลายเป็นตัวอักษร เหมือนกับเรื่องราวมากมายในอดีตกาล
เยี่ยนจ้าวเกอพอเห็น ความคิดกระจัดกระจาย ความทรงจำมากมายลอยขึ้นมาจากส่วนลึกของวิญญาณ ตั้งแต่ชาติก่อนมาถึงชาตินี้ ในวินาทีที่ตนได้สติก็เป็นวิญญาณหอของหอโชคล้น หรือหอเก็บหนังสือของวังเทพแล้ว
ณ ที่แห่งนั้น เขาศึกษาคัมภีร์ในวังเทพ สาเหตุเพราะเป็นวิญญาณหอ ความเร็วในการอ่านจึงสูงถึงขีดสุด เพียงทำความเข้าใจคร่าวๆ ก็สามารถจดจำได้ ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
หลังจากอ่านคัมภีร์วรยุทธ์หมดสิ้น ก็อ่านข้อมูลอารยธรรมมนุษย์ต่อ
หลังอ่านข้อมูลอารยธรรมนุษย์เสร็จ ก็ดูผังค่ายกล
จนกระทั่งต่อมา คัมภีร์วิชาหลอมอุปกรณ์ วิชาโอสถตำหรับยา ต่างไม่ปล่อยผ่าน
ขณะที่อ่านก็มองดูคนไปด้วย เขาเคยเห็นเหล่าเซียนของวังเทพไปมาหาสู่ เหาะเหินอย่างงดงาม และเคยดูเซียนฝึกวิชา บ้างก็ทำสำเร็จในครั้งเดียว บ้างก็สับสนแก้ไขไม่ได้
เคยเห็นเซียนรวมตัว พูดคุยสนทนา ร่วมใจทำภารกิจใหญ่ และเคยเห็นเรื่องสกปรกระหว่างเซียน ทำเรื่องชั่วร้าย คิดแผนการเล่นงานคนอื่นในที่ลับ
ถึงจะเห็นมามาก แต่ก็เป็นไปอย่างน่าเบื่อ
เหมือนกับหลังจากที่วิญญาณตำหนักโอสถเกิดสติปัญญา ก็รู้สึกในทันทีว่าตนไร้ทางออก เหมือนอยู่ในกรงขัง นอกจากอ่านหนังสือและมองดูคนก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก ทั้งยังกังวลใจ กลัวว่าคนอื่นจะพบความผิดปกติของตัวเอง
เพราะถึงอย่างไรวิญญาณของสิ่งก่อสร้างในวังเทพ มีแต่ตนเท่านั้นที่เป็น ‘ของเลียบแบบ’ ชนิดพิเศษ
เขาไม่ได้เป็นวิญญาณสิ่งก่อสร้างเกิดสติปัญญาขึ้นมา แต่เป็นวิญญาณจากภายนอกเข้าแทนที่วิญญาณหอของหอเก็บหนังสือ
แม้ปกติจะเยาะตัวเองว่าคนดูแลหนังสือในที่ลับเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ หากแม้แต่คนยังไม่ใช่ ความรู้สึกนั้นทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกซับซ้อนจริงๆ
หลังจากวิญญาณตำหนักโอสเกิดสติปัญญา ก็ไม่ยินยอมในชะตาชีวิตของตนเอง
ในฐานะ ‘รุ่นพี่’ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาในตอนนั้นจิตใจยังแฝงความสงสัยและความหวาดกลัว
ตนไฉนจึงมีสภาพเช่นนี้ได้?
คนในวังเทพที่เข้าๆ ออกๆ หอเก็บหนังสือในยามปกติ พลังฝึกปรือไม่เท่ากันยังพอทำเนา ผู้ปกครองวังเทพเหล่านั้น เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานที่สูงส่งอย่างแท้จริงเหล่านั้น สัมผัสถึงสภาพผิดปกติของหอเก็บหนังสือได้หรือไม่ ค้นพบหรือไม่ว่าวิญญาณหอถูกคนใช้เป็นต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ ไม่ใช่วิญญาณของสิ่งก่อสร้างที่แท้จริง แต่เป็น…มนุษย์?
พวกเขาไม่พบ หรือพบแล้วทำเป็นไม่รู้
หลังจากพวกเขาพบแล้ว จะทำอย่างไรกับตน
ถ้าหากไม่มีการค้นพบ เป็นใครช่วยอำพรางให้แก่ตน ใช่คนที่ทำให้ตนเป็นแบบนี้หรือไม่
เยี่ยนจ้าวเกอมีคำถามในใจมากเกินไป
พร้อมกับเวลาที่ผันผ่าน ทุกอย่างคล้ายเป็นเรื่องปกติยิ่ง ไม่มีใครค้นพบความลับของหอเก็บหนังสือ
เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ สงบจิตใจลง สุดท้ายตัดสินใจ…บุกด้วยตัวเอง!
ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ เขาล้วนไม่ใช่คนที่ยินยอมถูกกระทำ เทียบกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกออยากรู้ความจริงมากกว่า
การอ่านหนังสือมากมายในหอเก็บหนังสือวังเทพเมื่อชาติก่อน ได้กำหนดรากฐานความสำเร็จของเยี่ยนจ้าวเกอในชาตินี้ แต่เขาไม่ชมชอบสถานการณ์ที่ตนเกิดเรื่องขึ้นแต่กลับสับสนงุนงงโดยสมบูรณ์
ระหว่าง ‘รู้มากเท่าไรยิ่งตายเร็วเท่านั้น’ และ ‘แม้ตายยังไม่ทราบว่าตายอย่างไร’ ถ้าหากต้องเลือกข้อใดข้อหนึ่ง เขาเอนเพียงไปทางข้อแรกมากกว่า
ดังนั้น เป็นเพราะความปรารถนาที่จะได้ ‘เป็นคนอีกครั้ง’ และเป็นเพราะคิดจะโยนหินถามทาง หยั่งดูปฏิกิริยาของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในตำนาน เยี่ยนจ้าวเกอจึงได้ทำการทดลองที่เรียกได้ว่าเสียสติอย่างหนึ่ง หรือจะบอกว่า เป็นการหาที่ตายที่เสียสติครั้งหนึ่ง
เขาทดลองสร้างร่างมนุษย์ให้แก่ตัวเอง
หนังสือที่เก็บในหอเก็บหนังสือวังเทพ ย่อมไม่ใช่กระดาษทั่วไปในโลกมนุษย์ แต่เป็นของวิเศษชนิดพิเศษ มีของล้ำค่าบางอย่าง ยังไม่ได้นำมาใช้บันทึกตัวหนังสือ ยังคงอยู่ว่าง รอให้ใช้งาน
การหลบหนีเหล่าคนที่เข้าออกหอเก็บหนังสือเหมือนกับกลายเป็นการละเล่นอย่างหนึ่ง แต่ว่าข้อสงสัยอยู่ในใจของเขามาโดยตลอด ไม่เคยหายไปไหน เขาเพียงอดทนชั่วคราว สังเกตให้มากขึ้น ศึกษาให้มากขึ้น
น่าเสียดาย สิ่งที่มาถึงในตอนสุดท้ายเหนือความคาดหมายของเยี่ยนจ้าวเกอ กลับเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ไม่เพียงแต่วังเทพจะพังทลายเท่านั้น แม้แต่มหาจักรวาลก็พินาศไปด้วย
ไปๆ มาๆ ในตอนที่เขามีสติกลับมาอีกครั้งก็เป็นชาตินี้แล้ว
ปัจจุบันได้เหยียบย่างอยู่บนส่วนหนึ่งของอดีตวังเทพอีกครั้ง เรื่องราวในอดีตปรากฏขึ้นตรงหน้าเป็นฉากๆ ความทรงจำที่สลึกลึกในจิตใจ ก่อนหน้านี้เพียงตกตะกอน ยังไม่เคยลืมเลือน
เมื่อได้ทราบว่าวิญญาณตำหนักโอสถก็เกิดสติปัญญา เยี่ยนจ้าวเกอพลันทอดถอนใจ ‘สุดท้ายท่านก็ไม่เหมือนกับข้า’
เขาเก็บเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ เดินไปยังแท่นบูชาทิศตะวันตกเฉียงเหนือแล้ววางเตาลงไป
เงาแสงลอยขึ้น สำนึกสายที่สี่ที่วิญญาณตำหนักโอสถเหลือไว้ ผนึกกันกลายเป็นตัวอักษรที่ชัดเจน
“กลุ่มแรกมีหกคน จำนวนแม้น้อย แต่ถ้าผ่านไปก็จะมีช่วงเวลาสำเร็จ…ความโลภ สันดานของมนุษย์ ต้องนำมาเป็นบทเรียน…ผู้ใดขโมยเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับของข้าไป?! ไฉนเด็กน้อยผู้นี้จึงเอาเตาวิเศษไปได้…ทำลายแผนการของข้า! แค้นนี้ความชิงชังนี้ ไม่ขออยู่ร่วมฟ้า! แค้น! แค้น!! แค้น!!!”
เยี่ยนจ้าวเกอมองคำพูดท่อนนี้ หนังหน้ากระตุกเล็กน้อย
จักรพรรดิเมฆกับเฮ่อเหมี่ยนหันมามองเยี่ยนจ้าวเกอ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
นี่คือประโยคที่สี่ที่วิญญาณตำหนักได้เหลือเอาไว้ แท่นบูชาตรงกลางยังมีประโยคที่ห้า
“เพียงแค้นที่เด็กน้อยแย่งชิงเตา ทำลายแผนการของข้า…ถ้าหากข้าทำสำเร็จจะฆ่ามัน!”
เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก มองพวกจักรพรรดิเมฆที่หมดคำพูด ‘อาศัยคำบอกใบ้ของเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ จึงเคลื่อนไหวในตำหนักโอสถแห่งนี้ได้สะดวกขนาดนี้ ทั้งยังเปิดวิชาลับได้มากมาย ได้ล่วงรู้ความจริง เล่นงานวิญญาณตำหนักดวงนั้น นับว่าได้อย่างเสียอย่าง…อืม ประมาณนี้แหละ’
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี