‘ปีศาจกระทิงกับ…ปีศาจจิ้งจอกหรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย
ต่อให้กระทิงฉกรรจ์สองตัวนั้นจะรักษาลักษณะเด่นทางร่างกายของกระทิงไว้บนร่างมากเกินไป แต่มองรูปร่างของพวกเขาเพียงแวบเดียวก็ทราบว่ากอปรด้วยสติปัญญา มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนร่างเป็นคนได้
สตรีสองนางนั้น ดูจากลักษณะของพวกนางแล้ว โอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดคือปีศาจจิ้งจอกเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
ปีศาจจิ้งจอกถนัดการแปลงร่างมากกว่าปีศาจกระทิง หากมีพลังการบำเพ็ญมากพอ การกลายร่างเป็นมนุษย์แทบไม่มีช่องโหว่ เมื่อไม่มีวิธีการพิเศษ คนธรรมดาก็ยากจะแยกแยะ
ในจักรวาลสำนักเต๋า เผ่าปีศาจที่เปลี่ยนร่างเป็นคนได้ หากยากถึงขีดสุดจนแทบไม่มี ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่เคยไปโลกมังกรอัคคีรอบหนึ่งทราบว่าเผ่าปีศาจจำนวนมากในโลกใบนี้ต่างอยู่ในจักรวาลอีกแห่ง
ครั้งนี้กลับค้นหาตำหนักโอสถเจอตามเบาะแส
เป็นเพราะปัจจัยทางประวัติศาสตร์ เผ่าปีศาจ เสำนักเต๋า และวังเทพ จึงมีการพัวพันกันอย่างลึกซึ้งมากมาย ในประวัติศาสตร์สำนักเต๋าก็มีผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจที่บรรลุมรรควิถีกลายเป็นเซียน
พวกเขามีเบาะแสหรือของวิเศษที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวังเทพ ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก
มรกตท่องฟ้าทราบแต่แรกแล้วว่ามีเผ่าปีศาจเข้ามายุ่งเกี่ยว นอกจากนี้ยังได้แจ้งเยี่ยนจ้าวเกอ ดังนั้นตอนนี้พอพบอีกฝ่ายก็ไม่ได้ประหลาดใจ
เขากับจักรพรรดิเมฆสบตากัน พิจารณาว่าสมควรปฏิบัติกับจอมปีศาจที่ปรากฏโฉมขึ้นมาหลังจากสงบเสงี่ยมมานานเหล่านี้อย่างไรดี
สองฝ่ายไม่ได้มีความแค้นกัน ในขั้นแรกร่วมมือกันดีกว่าต่อสู้กัน
ยังเป็นประโยคนั้น สำหรับยอดฝีมือที่ทราบว่าอยู่ในจักรวาลในตำหนักแล้ว วิญญาณตำหนักดวงนั้นยังคงมีความได้เปรียบมากที่สุด
ตอนนี้มันกำลังสร้างร่างมนุษย์แก่ตัวเอง ถูกถ่วงแข้งถ่วงขาไว้ชั่วคราว
หลังจบเรื่องไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ มันก็จะได้พลังในการควบคุมตำหนักโอสถที่แข็งแกร่งกลับมาอยู่ดี
ดังนั้นคนอื่นๆ มีเหตุผลให้ร่วมมือกัน หลังจากคว่ำมันได้แล้วค่อยมาหาผลแพ้ชนะ
ในระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาล้วนเป็นผู้มาจากด้านนอก ในการต่อสู้กับวิญญาณตำหนักโอสถถือว่ายืนอยู่บนแนวรบเดียวกันโดยธรรมชาติ ต้องตรวจสอบสินสงครามก่อนจึงค่อยสร้างความขัดแย้งภายในไม่ใช่หรือ
เยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิสัญญะเมฆแลกเปลี่ยนสายตากัน ต่างมองออกว่าทุกคนมีความเห็นเดียวกันจึงพยักหน้า
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าไม่รอพวกเขาเอ่ยปาก ปีศาจกระทิงสีดำสองตนนั้นก็ตวาดขึ้นก่อน “พวกเจ้ารีบสารภาพมาเสียโดยดี โอสถเซียนยาวิญญาณในโกดังโอสถถูกพวกเจ้าเอาไปแล้วใช่หรือไม่”
เสียงกระทิงดุจสายฟ้า สั่นสะเทือนความว่างเปล่าในจักรวาลจนแก้วหูแทบฉีกขาด
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังแล้วก็อดตะลึงงันอยู่ชั่วขณะไม่ได้ เขาแยกเขี้ยว “เทียบกับเรื่องนั้น เรื่องราวที่สำคัญยิ่งกว่าในตอนนี้ พวกท่านเกรงว่ายังไม่ทราบกระมัง วิญญาณของตำหนักโอสถแห่งไม่เพียงแต่ไม่ได้ดับสูญ ยังมีสติปัญญาขึ้นมา เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่แท้จริงประเภทหนึ่ง ทั้งยังโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่ง”
“พวกเราตอนนี้อยู่ในตำหนักโอสถ มันคิดจะจับพวกเรานั้นง่ายดายยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “สำหรับมันแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ล้วนเป็นของของมัน พวกเราต่างเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ ผู้บุกรุกจากภายนอกและคนที่มาแย่งชิงสิ่งของ มันคงปรารถนาจะฆ่าพวกเราให้ไวที่สุด พวกเราไม่เคยมีความแค้น ไม่นานมานี้ก็ไม่ได้เกิดความขัดแย้ง ต่างฝ่ายต่างมาตามหาของล้ำค่า ไฉนจึงไม่ร่วมมือกันจัดการการคุกคามจากวิญญาณตำหนักนั่นก่อน จากนั้นค่อยเจรจาถึงความเป็นเจ้าของของของวิเศษในนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นปีศาจกระทิงสองตนนั้นเผยสีหน้ารังเกียจและเยาะเย้ยออกมา
‘หา?’ เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหว ตีระฆังระวังภัยทันที
กลับเป็นสตรีที่งดงามสองนางนั้น คล้ายกับฟังคำพูดของเขาอย่างจริงใจ สีหน้ายิ่งฉายแววเห็นด้วย แต่เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พวกนางกำลังลอบส่งกระแสเสียงกับปีศาจกระทิงดำสองตนนั้นอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี