การแสดงออกที่แสร้งเป็นทำท่าทำทางของปีศาจจิ้งจอกตนนั้น เป็นการแสดงออกตามปกติที่สามารถแสดงออกมาได้ หลังจากที่คนคนหนึ่งได้ยินว่าวิญญาณตำหนักโอสถมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
แต่ว่ากระทิงเขื่องสองตนนั้นเผยช่องโหว่ แสดงให้เห็นถึงเรื่องประการหนึ่ง
พวกเขารู้เรื่องที่วิญญาณตำหนักโอสถมีสติปัญญาเป็นของตัวเองแล้ว
นี่เดิมทีไม่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บางทีพวกเขาอาจไปหอเซียนม่วงมา หรือว่าพวกเขามีช่องทางข่าวสารอย่างอื่น ไม่อย่างนั้นก็ประสบการซุ่มจู่โจมจากวิญญาณตำหนัก
แต่หลังจากทราบเรื่องกลับไม่มีท่าทีร้อนใจ ถึงขั้นที่ปีศาจจิ้งจอกสองตนยังคิดจะหลอกลวงพวกเยี่ยนจ้าวเกอ นี่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ
เยี่ยนจ้าวเกอฟันธงว่ามีข่าวด่วนที่อยู่เหนือความคาดหมายของฝ่ายตน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทางที่ดีคือจับปีศาจตรงหน้าแล้วเค้นถาม
“ถึงอย่างไรก็เป็นเซียนปีศาจ ลองดูก่อนแล้วกัน” จักรพรรดิเมฆเห็นได้ชัดว่ามีแผนการเหมือนกัน ยกมือขึ้น
พริบตานั้น ค่ายกลกระบี่ขนาดยักษ์ค่ายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ประกายกระบี่สีแดงก่ำมืดฟ้ามัวดิน ยังใหญ่ยิ่งกว่าอาณาเขตครอบคลุมของกลิ่นหอมจากปีศาจจิ้งจอกตนนั้นเสียอีก
ยอดฝีมือพอลงมือ ก็ทราบว่ามีหรือไม่มี
จักรพรรดิเมฆชักประกายกระบี่ขึ้น ปีศาจทั้งสี่ตนสีหน้าฉายแววประหลาดใจ สายตาจริงจังขึ้นมาก
“เซียนจริงแท้จากสำนักเต๋าผู้นี้ไม่ธรรมดา!” ปีศาจจิ้งจอกที่กระพือลมหอมขึ้นหมายปิดล้อมพวกเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นกล่าวเสียงทุ้ม “ถ่วงเวลาเขาไว้ จัดการมนุษย์เซียนสองคนนั้นก่อน น้องเล็กพัวพันคนหนึ่ง ไม่ต้องเอาชนะ ขอแค่ไม่ผิดพลาดก็พอ เกาหลิ่งท่านรีบเผด็จศึกจัดการอีกคน”
ปีศาจทั้งสี่ มีเซียนปีศาจสามตน มีแต่ปีศาจจิ้งจอกที่อายุน้อยที่สุดนั้นเป็นราชาปีศาจ
มิน่าก่อนหน้านี้กระทิงสองตนนั้นจึงไม่เห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่ในสายตา
ในการรับรู้ของพวกเขา อีกฝ่ายเป็นตัวตนที่ไม่ส่งผลคุกคาม
ถึงแม้ไม่อาจจับกุมสังหารพวกเยี่ยนจ้าวเกอ อย่างมากสุดปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไป พวกเขาอย่างน้อยก็ไม่มีโอกาสพ่ายแพ้
ทว่าพอจักรพรรดิเมฆแสดงสภาวะกระบี่ พวกเขาพลันเลิกดูแคลนศัตรู
ปีศาจกระทิงดำที่เรียกว่าเกาหลิ่งหัวเราะหึๆ “พวกเขากลับเหมือนคิดจะจับพวกเราสี่คนไว้”
วาจาแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ไม่ได้ต่อต้านการจัดการของสหาย พุ่งปราดเข้าหาเฮ่อเหมี่ยน
ปีศาจกระทิงดำอีกตนคำราม เข้าปะทะกับจักรพรรดิสัญญะเมฆ
เซียนปีศาจเผ่าจิ้งจอกที่อายุมาก เตรียมจะผนึกกำลังสองคนเข้าหักหาญกับจักรพรรดิสัญญะเมฆ ตรึงอีกฝ่ายไว้ก่อน รอสหายมาสมทบ ค่อยรวมพลังกันรับมือจักรพรรดิเมฆ
ราชาปีศาจเผ่าจิ้งจอกที่อายุน้อยกว่า มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงแต่สะกดไว้ หมายจะทำให้ชายหนุ่มไม่อาจไปช่วยเหลือเฮ่อเหมี่ยน
พวกเขายังมีความคิดจะจับเป็นมนุษย์เซียนสองคน ต่อให้จักรพรรดิเมฆหนีไปได้ก็ยังพอรับได้ ดังนั้นจึงไม่ได้อาศัยร่างของเซียนปีศาจ ไม่สนใจการโจมตีของมนุษย์เซียนทั้งสอง ทั้งหมดเข้าสู้เป็นตายกับจักรพรรดิเมฆ
“พวกท่านคิดมากไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอมองฉากนี้อย่างขบขัน ยืนนิ่งไม่ไหวติง
ในดวงตาของเฮ่อเหมี่ยนเปล่งประกายสีแดง พริบตาเดียวก็หายไป
รอเขาโผล่ขึ้นมาอีกรอบ ก็อยู่ที่เบื้องหลังปีศาจกระทิงเกาหลิ่งดำตนนั้นแล้ว
เกาหลิ่งสัมผัสได้ในทันที ร่างกายที่ใหญ่โตเก้งก้างหมุนอย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้า จากนั้นก็กระแทกสองหมัดใส่เฮ่อเหมี่ยน
แต่สุดท้ายกลับกระแทกใส่ความว่างเปล่า
เฮ่อเหมี่ยนโผล่ขึ้นด้านหลังเขาอีกครั้ง พลันฟันกระบี่หนึ่งลง
“แม้จะเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ แต่ข้ามีผิวสำริดกระดูกเหล็กกล้า ยังไม่สำเร็จเป็นเซียนเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้ ยิ่งอย่าว่าแต่ตอนนี้มนุษย์เซียนมีข้อแตกต่าง” เจ้ากระทิงรับกระบี่ของเฮ่อเหมี่ยนอย่างรังเกียจ จากนั้นก็พลิกมือคว้าใส่อีกฝ่าย
ทว่าที่ปลายกระบี่ของเฮ่อเหมี่ยนมีประกายสีแดงขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วสูง
ประกายกระบี่สีแดงก่ำหลายสายสว่างขึ้นรอบด้าน กลายเป็นค่ายกลกระบี่อย่างรวดเร็ว แล้วครอบคลุมเกาหลิ่ง ปีศาจกระทิงดำไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี