พอถูกสายตาของอีกฝ่ายจ้องมอง เยี่ยนจ้าวเกอก็เกิดความรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่าง เหมือนกับอยู่ในสภาพอันตรายสิบตายไร้ทางรอด
“เด็กน้อยที่ชิงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับของข้า เจ้าอุตส่าห์มาหาเองถึงที่ ประเสริฐจริงๆ”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้น เนี่ยจิงเสินที่นั่งขัดสมาธิในตอนแรก เวลานี้ลุกขึ้น
เด็กชายบนศีรษะของเขาเคลื่อนไหวอย่างเดียวกัน
พอเห็นภาพนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าวิญญาณตำหนักเทียนซูที่อยู่ในสภาพนี้สามารถต่อสู้ได้ มิหนำซ้ำยังไม่เหมือนกับพิธีกรรมเมื่อก่อนหน้าที่พลังได้รับการจำกัดอย่างใหญ่หลวง ในตอนนี้ใช้พลังออกมาได้แทบทั้งหมด
ถึงแม้จะไม่เห็นเสียงมหามรรคา แต่ก็เป็นความรู้สึกของพลังอันยิ่งใหญ่ที่ปรากฏขึ้นระหว่างเคลื่อนไหว กลับเหมือนปีศาจกวางขาวที่อยู่ในระดับห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดเมื่อก่อนหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเรียบเฉย “ท่านนับว่าลำบากลำบนแล้ว แต่ตอนนี้ถึงแม้ท่านจะสามารถแสดงพลังแข็งแกร่งต่อสู้กับคนอื่นๆ ได้ กระนั้นหากคิดจะยึดร่างของศิษย์พี่เนี่ยโดยสมบูรณ์จริงๆ ยังคงต้องใช้เวลา ราชันพระอังคารสามารถตามมาได้ตลอดเวลา อืม ถ้าตามคำเรียกที่ท่านคุ้นเคย บางทีอาจบอกว่าเป็นเทพพระอังคารยุคใหม่ ท่านน่าจะเข้าใจกว่า”
ชายหนุ่มแบมือ “ยิ่งไปกว่านั้น กวางขาวตนนั้นก็อาจจะบ่ายหน้ามารับมือท่านพร้อมกันก็ได้”
วิญญาณตำหนักกล่าวอย่างราบเรียบ “เด็กน้อยเจ้าสำนวนนัก ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมา ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้เป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่มองมันอีก หันไปมองอีกทางแทน แตะนิ้วกับริมฝีปากพลางเอ๋ยว่า “จุ๊ๆ ข้าควรจะทราบแต่แรกว่าเป็นท่าน”
เก้าอี้ไม้โบราณขนาดใหญ่โตตัวหนึ่งวางอยู่ในความว่างเปล่าด้านข้างเนี่ยจิงเสินหรือวิญญาณตำหนัก
คนหนุ่มอาภรณ์ม่วงผู้หนึ่งนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ กำลังมองการสนทนาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับวิญญาณตำหนักอย่างสนอกสนใจ
กลับเป็นเฉินเฉียนหัว ประมุขทิศบนที่ไม่ได้เจอมานาน!
“ไม่ ตอนนี้ไม่อาจเรียกท่านว่าประมุขทิศบนได้อีกแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านมีฉายาจักรพรรดิของตัวเองหรือไม่”
ถึงแม้จะไม่ได้ต่อสู้กัน แต่พอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเฉินเฉียนหัว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองออกว่าคนหนุ่มอาภรณ์ม่วงตรงหน้าได้ก้าวเท้าก้าวสุดท้าย ผลักเปิดประตูเซียน เลื่อนสู่ระดับไร้ช่องโหว่สำเร็จแล้ว!
เวลานี้ไม่ใช่เฉินเฉียนหัวมนุษย์เซียนอีกต่อไป แต่เป็นเฉินเฉียนหัวเซียนจริงแท้
การผลักเปิดประตูเซียนของเขาแตกต่างกับคนทั่วไป เฉินเฉียนหัวที่เดิมทีมีพลังไม่ธรรมดา อยู่เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน พอเลื่อนเป็นเซียน อย่างน้อยพลังก็อยู่ในเซียนจริงแท้ห้าอันดับแรกในปัจจุบัน
นี่ยังไม่ได้คำนวณแบบเผื่อเหลือเผื่อขาด มิหนำซ้ำยังเป็นเวลาที่เขาเพิ่งได้ผลักเปิดประตูเซียน หากให้เวลาสั่งสม จะต้องน่ากลัวกว่าเดิมแน่
ยิ่งไปกว่านั้น บนมือของคนผู้นี้ยังมีบรรทัดจิตนภา อาวุธเซียนสำเร็จรูปอยู่ด้วย
อาวุธเซียนในมือของมนุษย์เซียน กับอาวุธเซียนในมือของเซียนจริงแท้ ความแตกต่างในนี้เป็นที่คาดคิดได้
“ฉายาจักรพรรดิ? นั่นไม่สำคัญ” เฉินเฉียนหัวตอบแบบไม่นำพา “แม้จะเป็นทุกอย่างในตำหนักโอสถแห่งนี้ ข้าเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร”
ดวงตาเขาเป็นทอแววประหลาดใจ มองเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าเพียงแต่สนใจเรื่องที่วิญญาณตำหนักโอสถถึงกับมีสติปัญญา ขณะเดียวกันพวกท่านพ่อลูกกับเนี่ยจิงเสินยังมาถึงที่นี่ ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาว “ที่พิธีกรรมเมื่อครู่แปลกๆ เกี่ยวข้องกับท่านอย่างที่ข้าคิดไว้”
เมื่อครู่วิญญาณตำหนักเทียนซูใช้โอสถเซียนและวัตถุวิญญาณเป็นวัตถุดิบ ดำเนินพิธีจุติเพื่อสร้างเปลือกร่างให้แก่ตัวเองที่โกดังโอสถ เยี่ยนจ้าวเกอมองครั้งแรกก็รู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดทันที
วิชาที่เปลี่ยนแปลงด้านในค่อนข้างหายาก แต่กลับแยบคายถึงขีดสุด
วิชาเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับระดับพลังฝึกปรือ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีระดับพลังฝึกปรือสูงล้ำก็ใช่ว่าจะทราบ เป็นเพราะมีโอกาสได้สัมผัสน้อย
มีแต่คนที่มีภูมิความรู้กว้างขวาง แตกฉานศาสตร์ในอดีตและปัจจุบันเท่านั้นถึงจะทราบอยู่สักหนึ่งหรือสองท่า
“มันแปลงเป็นร่างคน ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจ ดังนั้นเลยเกิดความคิดขึ้น” เฉินเฉียนหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่สะทกสะท้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี