ในหอเซียนม่วง เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือหนึ่งกดบนเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ นิ้วชี้ของมืออีกข้างจิ้มอยู่บนหว่างคิ้ว
แสงเก้าสายสว่างขึ้นในหอเซียนม่วง จัดวางในลักษณะเก้าตาราง แสงหลายสายถ่ายเทไปบนตัวเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอเริ่มรู้สึกได้ว่า จิตใจของตนเอง กำลังเริ่มสร้างการเชื่อมต่อกับตำหนักใหญ่
พร้อมกับกระบวนการนี้ กาลเวลาในจักรวาลอันปั่นป่วนของตำหนักโอสถ ก็เริ่มสงบลง
ประตูตำหนักยิ่งใหญ่ปิดลง แสงสีทองและควันสีม่วงหลายสายขับให้เด่น ตำหนักที่เหมือนสร้างจากหยกขาวทั้งตำหนัก ยิ่งเหมือนกับแดนเซียนบนสวรรค์มากกว่าเดิม
ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีแค่โถงตำหนักโดดเดี่ยวนี้แห่งเดียว ไม่เห็นสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อยู่รอบๆ ทุกอย่างคงเหมือนกับเป็นวังเทพบนสวรรค์ชั้นเก้าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าจริงจัง ไม่มีความได้ใจแม้แต่น้อย
หลังจากควบคุมตำหนักโอสถสำเร็จเป็นขั้นแรก เรื่องแรกที่เขาทำ ก็คือการทำให้ตำหนักโอสถแห่งนี้เก็บกลิ่นอายและแสงสว่างของตัวเอง
เขาไม่ต้องการให้ตำหนักโอสถที่ตนลำบากลำบนได้มา สร้างความสะดวกสบายให้คนอื่นๆ ที่มาเพราะได้ยินข่าว
ไม่อาจดูแคลนยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ชนชั้นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ และพระศรีอาริย์แม้แต่น้อย
โดยเฉพาะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
เมื่อรวมเรื่องราวในวันนั้นเข้ากับเบาะแสที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะยังคงเหมือนมองบุปผาในม่านหมอก แต่ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอตก็เริ่มมีความคิดส่วนหนึ่งแล้ว
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าไม่ได้ถือกำเนิดหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่!
อย่างน้อยจากการศึกษาเกี่ยวกับพลังศรัทธาแสงวิเศษในปัจจุบันของเขา เป็นไปได้ว่าจะถูกใช้มานานแล้ว
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะเป็นเทพเจ้าสำนักเต๋าสักองค์หนึ่ง ดูจากตอนนี้ เทพเจ้าสำนักเต๋าผู้นี้จะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่สักคนในวังเทพ
และเพราะสาเหตุนี้ ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นภายในวังเทพก่อน
ภายหลังมีการเข้ามาของศาสนาพุทธ จึงรุนแรงขึ้น จนไม่อาจแก้ไขกลับกลายได้อีก
เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่อาจยืนยันรายละเอียดอย่างเป็นรูปธรรมในนี้ได้
รอเขาควบคุมตำหนักโอสถได้โดยสมบูรณ์ และเริ่มขุดค้นคืนสภาพเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่แน่ว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเดิม
เทียนซูวิญญาณตำหนักคิดตกตายร่วมกัน สุดท้ายถูกเยี่ยนจ้าวเกอสะกดไว้ ไม่อาจทำอันตรายพวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ ผลลัพธ์มีแต่ตัวมันพังทลาย สูญสลายราวควันเมฆ
แม้จะหลอกเอาคำให้การมากกว่านี้ไม่ได้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจ เขาค่อยๆ อนุมานถึงสิ่งที่ตนอยากได้จากตัวตำหนักโอสถได้
วิญญาณตำหนักที่มีสติปัญญาเป็นของตัวเองดับสลาย ผู้มาจากภายนอกจึงควบคุมตำหนักโอสถได้ตามใจ วิญญาณตำหนักนั้นไม่สลาย เยี่ยนจ้าวเกอก็จะกำจัดมันทิ้งหลังจากไต่สวนเสร็จอยู่ดี
ไม่อย่างนั้นเขาคงฉวยโอกาสกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าแต่แรก ไฉนต้องลำบากแทบตายขนาดนี้
หากบอกว่าเคยเป็นวิญญาณตำหนักวิญญาณหอมาก่อน วันนี้เหมือนเพื่อนเก่าได้เจอกัน เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าขำแล้ว
ยังไม่เอ่ยถึงว่าสองฝ่ายไม่มีความสัมพันธ์ใดให้กล่าวถึง ถ้าหากปล่อยให้วิญญาณตำหนักโอสถทราบเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอเป็นวิญญาณหอเก็บหนังสือในชาติก่อน ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันของสองฝ่ายต่างกันขนาดนี้ ด้วยนิสัยของวิญญาณตำหนักฟ้าฟื้น เรื่องที่คิดถึงเป็นอันดับแรก จะต้องเป็นการจับเยี่ยนจ้าวเกอมารีดเค้นสิ่งของในสมองของเขาออกมาทั้งหมดแน่นอน
‘อืม ตำหนักโอสถนี้ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีตเช่นกัน มีความเสียหายอยู่บ้าง’ เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาอย่างละเอียด ปัจจุบันมีความเข้าใจต่อสถานการณ์โดยรวมของตำหนักโอสถมากกว่าเดิม
แม้ว่าเหตุผลของความปั่นป่วนในอดีต และสถานที่ที่จุดสายชนวนในตอนแรก เหมือนว่าจะอยู่ที่ตำหนักโอสถนี้ แต่ว่าข้อพิพาทขยายออกไปยังสถานที่รอบๆ อย่างรวดเร็ว สถานที่เริ่มเรื่องนี้กลับถูกรักษาไว้ค่อนข้างดี
ฝ่ามือทำลายฟ้าดินที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าข้างนั้น ไม่ได้ตกลงบนตำหนักโอสถนี้
‘…อาณาเขตรอบๆ หอเก็บหนังสือที่เราอยู่ในตอนนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่ฝ่ามือนั้นร่วงใส่’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ อดกลอกตาขาวไม่ได้
แสงสว่างเก้าสายในหอเซียนม่วงค่อยๆ หายไป
พวกเยี่ยนจ้าวเกอห้าคน เวลานี้ได้สลายค่ายกลไปแล้ว
ร่างปลอมที่วิญญาณตำหนักโอสถใช้โอสถเซียนและของวิเศษด้านในตำหนักสร้างขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ พังทลายกลายเป็นยาวิเศษโอสถวิญญาณจำนวนมากแต่แรก ก่อนจะเปลี่ยนแปลงเป็นลำแสงหลายสาย
พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล แสงสว่างเหล่านี้ต่างวนเวียนอยู่รอบๆ เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่สลักอักขระ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี