แสงอัสดงยังคงครอบคลุมฟ้าดินโดยมีประมุขอุดรเป็นศูนย์กลาง คล้ายไม่รู้สึกต่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้
แต่วิญญาณของชายชราได้ดับสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว
ร่างของเขาจมลงเบื้องล่าง
เงามืดใต้เท้าตอนนี้เหมือนกับเปลี่ยนเป็นบึงไร้ก้น กลืนกินร่างเขา ไม่เห็นร่องรอยอีก
แสงอัสดงหลายสายนั้นเคลื่อนมาคลุมร่างผู้สวมรอย กลับไร้ความผิดปกติ
‘ทำได้แต่รักษาสภาพปัจจุบัน กลับมิอาจควบคุม’ ผู้สวมรอยยิ้มผ่อนคลาย ‘กระนั้นไม่สำคัญกับเรา’
เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม แสงอัสดงหลายสายระหว่างฟ้าดินรอบๆ ค่อยๆ หายไป ไม่เห็นร่องรอยอีก โลกตรงหน้าเปลี่ยนแปลงลักษณะฟ้าน้ำแข็งแดนหิมะอีกครั้ง
ครู่ต่อมา ประกายกระบี่สายหนึ่งวาดผ่านท้องฟ้า มาถึงตรงหน้า ‘ประมุขอุดร’ ในชั่วอึดใจ
ผู้มาสวมมงกุฎยกสูงอาภรณ์โบราณ สีหน้าเคร่งขรึม เป็นกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ย
“ชายฝั่งยมโลกมีความผิดปกติหรือ?” เยว่เจิ้นเป่ยมองรอบๆ แสงอัสดงหลายสายปรากฏขึ้นระหว่างฟ้าดินอีกครั้ง
‘ประมุขอุดร’ คำนับเยว่เจิ้นเป่ยอย่างนอบน้อม ไม่แสดงท่าทีผิดแปลก ตอบว่า “มีจอมมารเปลี่ยนร่างกลายเป็นสหายน้อยเฟิงเขากว่างเฉิง หมายจะล่อลวงให้เปิดข่ายอาคม เพื่อเข้ามาในโลกซ้อนโลกของเรา สุดท้ายเผยร่องรอย จึงถอยกลับไป”
“สหายน้อยเฟิงเขากว่างเฉิง?” กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยสายตากลายเป็นคมกริบ
‘ประมุขอุดร’ พยักหน้า “ถูกต้อง ข้าสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจเคยเจอสหายน้อยเฟิงในนพยมโลก หรือว่าเคยเจอราชันพระราหู”
“ข้าคิดตามหาตำแหน่งของสหายน้อยเฟิง แต่ไม่กล้าปล่อยอีกฝ่ายเข้ามาในโลกซ้อนโลก เดิมทีคิดถ่วงเวลานาง รอหลังจากใต้เท้ากษัตริย์กระบี่ท่านเร่งรุดมาค่อยหาวิธีจับกุม แต่ว่าอีกฝ่ายระวังตัว สัมผัสได้ว่าข้าล่วงรู้แผนการของนาง ก็รีบถอยไปทันที”
เยว่เจิ้นเป่ยพิจารณาแสดงอัสดงที่แผ่พุ่งอยู่กลางฟ้าดินตรงหน้า กล่าว “เรื่องราวเกี่ยวพันถึงนพยมโลก ระมัดระวังไว้ วิธีการของท่านกับการวินิจฉัยไม่มีความผิดพลาด”
เขาหันไปมอง ‘ประมุขอุดร’ “ต่อจากนี้ ที่นี่ต้องรบกวนให้ท่านช่วยดูแลมากๆ ไม่ว่าสภาพการณ์ด้านอื่นจะเป็นอย่างไร เมื่อเกี่ยวข้องกับนพยมโลก สุดท้ายก็มิอาจผ่อนคลาย”
“น้อมรับการชี้แนะของใต้เท้ากษัตริย์กระบี่” อีกฝ่ายตอบอย่างราบเรียบ
ขณะมองประกายกระบี่ที่ออกห่างไป ‘ประมุขอุดร’ ก็ยิ้มเล็กน้อย ‘โลกของโกวเฉินให้กำเนิดคนรุ่นหลังที่โดดเด่นไม่น้อยจริงๆ’
เขาหลับตา หลังจากสัมผัสอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มยิ่งมายิ่งเข้มข้น
‘ฮ่าๆ ไม่เพียงแต่น้ำกุ่ยจะอยู่ที่นี่ แม้แต่ดินโบ่วก็อยู่ด้วย การมาในครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ กระนั้นยังต้องจัดการเรื่องราวของตัวเองก่อนค่อยว่าเปล่า’
ชายชรานั่งขัดสมาธิบนพื้นหิมะเหมือนเดิม มองร่องแยกเขตแดนที่บัดเดี๋ยวหายไปบัดเดี๋ยวปรากฎหลายสายที่อยู่ไกลออกไปอย่างเงียบๆ
‘เอาล่ะ เด็กน้อยเอ๋ย รีบกลับมาเถอะ’ มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มแปลกประหลาด ‘สำนักเจ้ากำลังเผชิญภัยพิบัติใหญ่แล้ว จำเป็นต้องให้เจ้ารีบกลับมาระสบความยากลำบากด้วยกัน’
…
ในเขาคุนหลุน ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอกับกษัตริย์ดาราอยู่ในหุบเขาเซียนเร้นกายนิวาสสถานที่เคยเป็นของหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับ
“ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้จริงๆ ด้วย” หลังจากรื้อค้นตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียดรอบหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็แตะนิ้วกับริมฝีปาก มิได้ผิดหวัง
เวลานี้ ทิศเหนือมีประกายกระบี่พุ่งมา หลังจากร่วงลงบนพื้น ก็ปรากฏร่างของกษัษริย์กระบี่
“อาจารย์ลุงเยว่?” เยี่ยนจ้าวเกอกับกษัตริย์ดารามองไปพร้อมกัน
กษัตริย์กระบี่ส่ายหน้า “มีจอมมารจำแลงเป็นมนุษย์ หมายจะแอบเข้ามาในโลกซ้อนโลก กวนอุดรไม่ได้ถูกหลอก จอมมารตนนั้นไม่รอข้าไปถึง ก็จากไปด้วยตัวเอง”
ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ เขาย่อมไม่พูดถึงเรื่องที่จอมมารอาจแปลงกายเป็นเฟิงอวิ๋นเซิง สร้างความกังวลแก่เยี่ยนจ้าวเกอโดยเปล่าประโยชน์
“นพยมโลกก็ต้องการก่อหวอดเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบา “เพียงแต่ไม่ทราบว่าพวกมันต้องการทำเอง หรือแลกเปลี่ยนกับคนอื่น”
ถึงแม้ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา นพยมโลกจะเป็นศัตรูร่วมกันของมวลหมู่มนุษย์ การร่วมมือกับนพยมโลก เป็นการล่อหมาป่าเข้าห้อง และการขอหนังจากพยัคฆ์อย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าจอมมารนพยมโลกไม่ใช่ไร้สติปัญญา บ้าลั่งกระหายเลือดทั้งหมด
บางครั้งบางคราว พวกมันก็แลกเปลี่ยนผลกระโยชน์กับมนุษย์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างอื่น ไม่ใช่แค่กลืนกินอย่างละโมบอย่างเดียว
คนที่รักใคร่กันเหมือนเดิมอย่างเยี่ยนตี๋และเสวี่ยชูชิง กลับมีอยู่น้อยนิด
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญอย่างละเอียด พบว่าใบหน้ายิ้มแย้มของเฟิงอวิ๋นเซิงในใจของตัวเองยังคงสมจริงราวกับมีชีวิต ติดอยู่ในห้วงวิญญาณ
ในด้านนี้ เขากลับเหมือนเยี่ยนตี๋มาก
กระนั้นหลังจากได้พบกันแล้ว เขาจะต้องขอสั่งสอนสะใภ้หนีออกจากบ้านที่ทำให้ตัวเองรอจนเกือบกลายเป็นหินสักรอบหนึ่ง
‘เราใช่ทำตัวใจกว้างเกินไปหรือไม่’ เยี่ยนจาวเกอคิดในแง่ดี ‘รอเดี๋ยว เราเหมือนมองข้ามอะไรไป…’
‘อืม นึกออกแล้ว’ เขามุมปากกระตุกเล็กน้อย ‘เทพมารกรอกศีรษะ…ถึงเวลาคงไม่ใช่ว่าสุดท้ายเราสั่งสอนไม่ได้ กลับถูกทุบตีแทนหรอกกระมัง?’
“เจออะไรที่นี่หรือไม่?” เยว่เจิ้นเป่ยถาม ทำลาายความคิดฟุ้งซ่านของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอปั้นหน้าจริงจัง กวาดมองรอบๆ “ใต้เท้ากษัตริย์เร้นลับเก็บกวาดได้หมดจดยิ่ง นับว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมาย”
“แต่ว่าการออกเดินทางไปทั่วโลกซ้อนโลกในครั้งนี้ ทำให้ข้ายิ่งแน่ใจในความคิดเมื่อก่อนหน้า” เขากล่าวเสียงเบา “ครั้งนี้เกาหานราชันพระอาทิตย์อาจจะจับปลาตอนน้ำขุ่น”
“ถึงจะยังดูไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่นอกจากค่ายกลเส้นรุ้งจตุรัสของมารดาแล้ว ราชันพระอาทิตย์คล้ายมีแผนการอย่างอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างแค่รอคอยโอกาสอยู่เท่านั้น”
ถึงอย่างไร เขาก็หวังว่าจะอาศัยผู้สืบทอดของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวง ล่อราชันพระอังคารสั่วหมิงจางให้กลับโลกซ้อนโลกได้
ปัจจุบันสั่วหมิงจางกลับมาแล้วความปั่นป่วนของโลกซ้อนโลกที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสที่เกาหานเฝ้ารอคอยมาโดยตลอด
ในเวลาต่อจากนี้ เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งวางแผนการของตัวเอง ทางหนึ่งศึกษาคัมภีร์นภาความว่างเปล่าและคัมภีร์นภาทันใจที่ได้จากสั่วหมิงจางและเฉินเสวียนจง
จนกระทั่งในวินาทีหนึ่ง มีข่าวส่งมา
ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่น ในที่สุดก็กลับโลกซ้อนโลก
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี