ในตอนที่ได้ฟังข่าวว่าราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่นในที่สุดก็กลับโลกซ้อนโลกจากปากของเฉินเสวียนจง เยี่ยนจ้าวเกอก็ระบายลมหายใจออกยาวๆ “ต้องเริ่มแล้ว”
เขาตรวจสอบแผนการต่างๆ ของตนรอบหนึ่ง คาดคำนวณเป็นมั่นเหมาะ “ยังต้องเร่งอีกสักหน่อย”
ถ้าหากมีเวลามากกว่านี้อีกสักนิด ย่อมประเสริฐที่สุด
กระนั้นนั่นเป็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่เป็นอุดมคติเกินไป อีกฝ่ายไม่มีทางยอมรอตามที่ตนต้องการ
เยี่ยนจ้าวเกอกำหนดความคิดเป็นมั่นเหมาะ หลังจากเตรียมเรื่องที่ควรจัดการเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ก็กล่าวกับกษัตริย์ดารา “ที่นี่รบกวนใต้เท้าแล้ว”
“ตัวข้าเต็มใจ” กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงสีหน้าสงบนิ่ง พยักหน้าราบเรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอผละจากโลกซ้อนโลก บรรลุถึงมิติจักรวาลด้านนอกเขตแดนฟ้าดิน
เขามุ่งหน้าไปยังตำหนักโอสถที่ซ่อนร่องรอยไว้ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมุ่งหน้าไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
ขณะนี้ ในจักรวาลด้านนอกโลกซ้อนโลก เห็นเงาคนสายหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่เงียบๆ
ถึงแม้จะกั้นด้วยมิติหลายชั้น อยู่ห่างไกลไร้สิ้นสุด ทว่าเงาร่างของบุรุษผมสั้นผู้นั้นกลับทำให้ทุกคนในจักรวาลต่างเห็นได้ชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ห่างจากเขาขนาดไหน
สถานที่ที่คนผู้นี้อยู่เหมือนกับใจกลางจักรวาล และเหมือนกับคงอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ใดไปไม่ถึง
นั่นก็คือสั่วหมิงจาง ราชันพระอังคาร
ต่อหน้าเขา ยืนไว้ด้วยชายชราที่มีอายุรูปลักษณ์ภายนอกราวๆ ห้าหกสิบปี
ชายชราดวงตาเมตตา แต่ใบหน้าจริงจัง
เยี่ยนจ้าวเกอที่ได้เห็นภาพเหมือนเงาแสงของอีกฝ่ายมาไม่รู้กี่ครั้ง ย่อมจดจำได้ว่า นี่ก็คืออดีตกษัตริย์ดินผู้นำแห่งสามกษัตริย์บนโลกซ้อนโลก และราชันพระเสาร์ซึ่งปัจจุบันได้เลื่อนสู่ระดับเซียนกำเนิด สำเร็จตำแหน่งจ้าวสวรรค์ เจี่ยงเซิ่น
พวกเขาสองคนยืนอยุ่ที่นั่น ทำให้ฟ้าดินไร้แสง ทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ สูญเสียสีสันอย่างเงียบงัน
เหมือนกับกลางจักรวาล มีแค่พวกเขาสองคนที่เป็นของจริง ที่เหลือล้วนเป็นภาพมายา
พร้อมกับที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้าใกล้ ข้างหูก็เหมือนมีเสียงมหามรรคาที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่ว่า ปัจจุบันเสียงมหามรรคาไม่ได้ส่งผลสะกดต่อมัน พอฟังกลับน่าอัศจรรย์ ได้รับผลประโยชน์มากมาย
เมื่อเข้าใกล้ ก็เห็นได้ว่า ด้านข้างสั่วหมิงจางกับเจี่ยงเซิ่น แยกกันยืนไว้ด้วยกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยและหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับ
ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่น กับหยางเซ่อกษัตริย์เร้นลับสัมผัสได้ว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้าใกล้ สายตาสั่นไหว กวาดมองมา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใบหน้าเป็นปกติ ประสานมือคำนับ “ผู้อาวุโสสี่ท่านอยู่ตรงหน้า อภัยที่ข้าใช้ร่างแยกมาคำนับ ส่วนที่เสียมารยาท ได้โปรดให้อภัยด้วย”
“ลูกหลานของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนซิงถางหรือ?” เจี่ยงเซิ่นยิ้มเล้กน้อย “ถึงข้าจะมิได้อยู่บนโลกซ้อนโลกนาน แต่นามของเซียนผู้ถูกเนรเทศยังเหมือนสายฟ้าดังกรอกหู”
เขาไม่ได้แสดงสีหน้าเหน็บแนม ในความใจกว้างในดวงตาทอแววเสียดายยิ่งกว่า
เจี่ยงเซิ่นที่เป็นระดับราชันเซียนกำเนิดสุญญาตา เผชิญกับเยี่ยนจ้าวเกอที่ยังมิได้ผลักเปิดประตูเซียน อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ใช้น้ำเสียงเฉื่อยชา เหมือนกับคนแก่ที่สนทนาเรื่องทั่วไปกับเยี่ยนจ้าวเกอ
“คนหนุ่มที่โดดเด่นอย่างเจ้า หากมีเวลามากกว่านี้ จะต้องประสบความสำเร็จใหญ่หลวง คนชราอย่างข้าสมควรช่วยปกป้องคุ้มครอง ถ่ายทอดความรู้ สำนักเต๋าสายหลักของเราจะได้เจริญรุ่งเรือง”
เจี่ยงเซิ่นส่ยศีรษะเล็กน้อย “น่าเสียดาย โชคชะตากลั่นแกล้งคน เจ้ากลายเป็นผู้สืบทอดชาติภพใหม่ของอิ๋นประกายกาฬ ส่วนมารดาจ้าวเป็นผู้สืบทอดดั้งเดิมของหูเจิดจรัส”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี