“พวกเราศรัทธาและนับถือเทวกษัตริย์อย่างจริงใจ ไหนเลยจะถูกปีศาจเส้นทางนอกรีตเช่นเจ้าทำลายได้”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ พวกนักพรตรองเท้าสานยอดฝีมือโถงเซียนต่างก็ตีฝีปากตอบ
กระนั้นในตอนที่พวกเขามองดูเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง ก็รเริ่มไม่มีความมั่นใจและแน่วแน่เมื่อก่อนหน้าอีก
ถึงคนหนุ่มตรงหน้าจะยังไม่ได้เปิดประตูเซียน แต่อาศัยพลังที่เพิ่งแสดงออกมาเมื่อครู่ ถ้ามีอาวุธเซียนสักชิ้นอยู่ในมือ ก็มากพอจะส่งผลคุกคามต่อชีวิตของพวกเขาแล้ว
พอนึกถึงตรงนี้ นักพรตรองเท้าสานก็เกิดความคิดถอยหนี
การออกจากโถงเซียนมายังจักรวาลสำนักเต๋าในครั้งนี้ สภาพการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขามากเกินไป
เดิมทีนึกว่าอย่างน้อยก็ได้ตำหนักโอสถมาครอง แต่ดูจากตอนนี้ ความจริงของเรื่องราวแตกต่างกับสิ่งที่คาดไว้โดยสิ้นเชิง
นักพรตรองเท้าสานทางหนึ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอ ทางหนึ่งเคลื่อนไหวในที่ลับ
แม้แผ่นหยกจะถูกแย่งไป แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้
เขาลอบเขียนอักขระอาคมหลายสาย พวกมันลอยออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง กลายเป็นควัน กระจายอยู่ในหอเซียนม่วง
หอเซียนม่วงสั่นไหวเล็กน้อย หอเก่าแก่เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง แสงสว่างหลายสายปรากฏขึ้น สาดลงบนร่างของพวกนักพรตรองเท้าสาน จากนั้นร่างของเขาก็เริ่มเลือนราง ค่อยๆ หายไปจากหอ
ตอนนี้นักพรตรองเท้าสานไม่หวังให้ตนยึดครองหอเซียนม่วง แล้วค่อยแย่งชิงสิทธิ์การควบคุมตำหนักโอสถมาจากมือของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีพลังน่าทึ่งอีกแล้ว
เขาเพียงหวังว่าจะออกไปจากตำหนักโอสถ หนีจากจักรวาลสำนักเต๋า กลับโถงเซียนได้ ภายหลังค่อยๆ คิดหาวิธีการ พิจารณาถึงวิธีแก้แค้น
ตอนนี้เห็นกำลังจะสำเร็จ เหล่ายอดฝีมือโถงเซียนลอบระบายลมหายใจโล่งอก
เยี่ยนจ้าวเกอมองการเคลื่อนไหวของพวกเขาด้วยความสนอกสนใจ ไม่ได้ขัดขวาง
พวกนักพรตรองเท้าสานออกจากหอเซียนม่วง ตรงหน้าปรากฏจัรกวาลกว้างใหญ่
‘ยังอยู่ในตำหนักฟ้าฟื้น จำเเป็นต้องทะลวงตำหนักออกไป’ นักรพรตรองเท้าสานแยกแยะสภาพแวดล้อมที่พวกตนอยู่ จากนั้นก็พาคนข้ามผ่านมิติจักรวาล
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นเท่าขามา
เคลื่อนไหวอยู่นาน นักพรตรองเท้าสานก็หยุดฝีเท้าด้วยสีหน้าไม่น่าดู
เข้ามาง่ายดายออกไปยากเย็น ตอนนี้พวกเขาเริ่มวนอยู่ในจักรวาลด้านในตำหนักโอสถอย่างต่อเนื่อง แทบเหมือนการย่ำเท้าอยู่ที่เดิม
ไม่ว่านักพรตรองเท้าสานจะศึกษาวิชาที่ได้รับถ่ายทอดมาจากอวี๋หวาหลงผู้เป็นอาจารย์อย่างไร ก็ยังเคลื่อนไหวในตำหนักโอสถแห่งนี้ได้อย่างยากลำบาก
‘แค้นที่ถูกโจรน้อยนั่นชิงของวิเศษไป’ ทุกคนจิตใจนักอึ้ง ทั้งโมโหทั้งตึงเครียด
นักพรตรองเท้าสานมองรอบๆ เห็นกลางมิติจักรวาลเหมือนกับมีแสงสว่างหลายสายกำลังไหลพันกัน จากนั้นก็เริ่มรวมตัวเป็นจุดเดียว
ประกายแสงเหมือนอยู่ใกล้ แต่ก็คล้ายอยู่ไกลแสนไกล
ทว่านักพรตรองเท้าสานรู้สึกอย่างเลือนรางได้ถึงกลิ่นอายของชีวิตจากด้านใน
‘ท่านอาจารย์บอกไว้ว่า แม้ในตำหนักแห่งนี้มีหญ้าวิญญาณยาวิญญาณ แต่เป็นสิ่งที่ได้เก็บรวบรวมมาเรียบร้อย หนำซ้ำยังมีสถานที่จัดเก็บ ไม่ได้สร้างนายาและนาวิญญาณ ตอนนี้จะมีกลิ่นอายชีวิตที่เข้มข้นขนาดนี้ได้อย่างไร?’ นักพรรองเท้าสานกล่าวในใจ ‘กลับรู้สึกเหมือนเป็นคน? หนำซ้ำยังมีจำนวนไม่น้อย’
ขณะที่ความคิดทำงาน นักพรตรองเท้าสานก็เร่งรุดไปยังสถานที่ที่แสงสว่างหลายสายรวมอยู่ด้วยกัน
จอมยุทธ์โถงเซียนคนอื่นๆ รู้สึกโมโหจนกล้าหาญขึ้นมา เข้าใกล้แสงสว่างเหล่านั้นพร้อมกับนักพรตรองเท้าสาน
แสงสว่างหลายสายนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตำหนักโอสถดึงโลกซ้อนโลกมากกว่าครึ่งออกมา
ตอนนี้พิธีกรรมไม่ได้หยุดลงโดยสมบูรณ์ ดังนั้นมิติเวลาในนี้จึงอยู่ในสภาพไม่เสถียร
คนที่ถูกจับมาไว้ในตำหนักโอสถ ขณะนี้เป็นแสงเรืองรองบริเวณหนึ่ง ไม่อาจแยกแยะซ้ายขวาหน้าหลัง
สภาพแต่ละอย่างยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ
คนธรรมดาทั่วไปและจอมยุทธ์ที่พลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ ความคิดจิตใจถูกสะกด ตอนนี้แทบจะอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ไม่อาจสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมรอบๆ เหมือนกับอยู่ในห้วงความฝัน ดังนั้นจิตใจกับการเคลื่อนไหวตึงไม่มีความแปรปรวนใดๆ
จอมยุทธ์ที่มีระดับพลังฝึกปรือค่อนข้างสูง ยังรักษาความรู้สึกตัวของตัวเองไว้ได้
ทุกคนต่างฝืนสงบจิตใจ รอคอยช่วงเวลาน้ำหยดหินผุด แต่ก็เห็นความไม่สบายใจได้อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี