เยี่ยนจ้าวเกอกอดเฟิงอวิ๋นเซิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารอจนแทบกลายเป็นหินแล้ว…”
พูดได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถูกริมฝีปากอบอุ่นหยุดไว้
พอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัวสั่น เยี่ยนจ้าวเกอก็โอบกอดเฟิงอวิ๋นเซิง ให้นางได้รู้สึกถึงโอบกอดที่แท้จริง ให้นางได้ดูดซับพลังที่ทำให้จิตใจสงบ
หลายปีมานี้ ตัวเขาได้ผ่านประสบการณ์ที่สั่นสะท้านวิญญาณมากมาย เมื่อครู่เพิ่งทำให้การต่อสู้ที่ไม่น่าเชื่อในสายตาของคนจำนวนมากสำเร็จได้
ทว่าประสบการณ์ของสตรีในอ้อมอก เกรงว่าจะยากลำบากกว่ามาก คำว่าตายเก้ารอดหนึ่งยังบรรยายความอันตรายในนี้ไม่ได้
คู่ต่อสู้ของนางไม่ได้มีแค่เจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหูที่คิดเป็นนกพิราบยึดครองรังนกกางเขน ยังมีสำนึกมารที่กัดกินความมุ่งนมั่นของนางตลอดเวลา รวมถึงจอมมารในนพยมโลกจำนวนมากที่ไล่ล่านางในความเป็นจริง
ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอได้ทราบผ่านการติดต่อกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแล้วว่า อีกฝ่ายเกือบจะได้เจอกับมารเงาที่เป็นเซียนสวรรค์ชั้นมหายาลในนพยมโลก
เมื่อนึกเชื่อมโยงถึงการแทรกซึมเข้ามาในโลกซ้อนโลก และหลบซุ่มอยุ่ในเขตราตรีอุดรก่อนหน้าของมารเงา เยี่ยนจ้าวเกอก็สงสัยว่า มารเงาความจริงต้องการขัดขวางเฟิงอวิ๋นเซิงอันดับแรก
เยี่ยนจ้าวเกอได้เห็น ความแน่วแน่ในจิตใจของสตรีในอ้อมอกไม่บ่อยนัก
อาจจะเป็นเพราะมีแต่ตอนอยู่ต่อหน้าเขา จึงค่อยแสดงให้เห็นด้านนี้ออกมา
มิหนำซ้ำ อาจจะมีแต่ตอนนี้เท่านั้นจึงจะเป็นเช่นนี้ ในเวลาอื่น ยังคงเป็นสตรีที่มุ่งมั่นร่าเริง งดงามเปิดเผย
ดังนั้นเวลานี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ขยับตัว เพียงแต่กอดนางไว้
ในความเงียบงันไร้เสียง สองคนกลับเหมือนแลกเปลี่ยนถ้อยคำนับพันนับหมื่น สัมผัสได้ถึงความคิดและความรักของอีกฝ่ายที่มีต่อตน หลังจากได้ผ่านการจากลา อารมณ์ที่ต่างคนต่างสั่งสมไว้ในใจก็ปะทุออกมา
เนิ่นนาน ค่อยถอนริมฝีปาก
สองคนสบสายตา ต่างยิ้มขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นนิ่วออกมาเขี่ยสันจมูกโด่งของเฟิงอวิ๋นเซิงเบาๆ
เฟิงอวิ๋นเซิงร้องหึ อ้าปากขึ้นทำท่าจะงับ
จากนั้นนางซึ่งที่แล้วมาเปิดเผย ก็เขินอายอยู่บ้างอย่างหาได้ยาก แต่ไม่ใช่เขินเพราะเยี่ยนจ้าวเกอ มองไปที่กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้ยเป่ยด้านข้าง “ผู้เยาว์เสียมารยาทแล้ว ขอใต้เท้ากษัตริย์กระบี่ให้อภัย…”
ถึงจะได้เจอตัวจริงเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้นางได้เห็นภาพเงาแสงของสามกษัตริย์บนโลกซ้อนโลกมาแล้ว
การติดต่อกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่นจ้าวเกอ ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันและความสัมพันธ์ของมิตรและศัตรูคร่าวๆ
“ทุกข์สิ้นสุขเกิด ไม่อาจความคุมอารมณ์ของตัวเองถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา” ใบหน้าอันเคร่งขรึมจริงจังของเยว่เจิ้นเป่ยปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่น “เป็นข้ารบกวนการพบเจอกันของสามีภรรยาเช่นพวกเจ้าถึงจะถูก”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกว้าง เอ่ยว่า “ทำให้อาจารย์ลุงหัวเราะเยาะแล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงหายหน้าแดง แต่ก็ถอยหลังออกห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอ คำนับเยว่เจิ้นเป่ยอย่างนบน้อม “เฟิงอวิ๋นเซิงศิษย์กว่างเฉิง คารวะใต้เท้ากษัตริย์กระบี่”
“ไม่ต้องมากมารยาท และไม่ต้องเกรงใจ หากจะยึดตามมายาท สมควรเป็นข้าที่ต้องกล่าวให้เกียรติมากกว่า” เยว่เจิ้ยเป่ยยื่นมืออกมายกขึ้น
“ผู้เยาว์เพียงโชคดี เหมือนจอกแหนไร้ราก ไหนเลยกล้าวางท่าต่อหน้าท่าน?” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “…ข้าขอเรียกท่านว่าอาจารย์ลุงตามจ้าวเกอได้หรือไม่?”
“ย่อมไม่มีปัญหา” เยว่เจิ้นเป่ยพิจารณานางขึ้นลง “เดิมทีไม่ควรรบกวนการได้กลับมาพบกันของพวกเจ้าสามีภรรยา แต่ว่าในเมื่อพูดแล้ว ขออภัยที่ข้าขอถามเสียมารยาทสักประโยค ระหว่างราชันพระราหูกับเจ้า ปัจจุบันมีสถานการณ์อย่างไรกันแน่?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิงเช่นกัน
สืบเนื่องจากสภาพการณ์อันยิ่งใหญ่ของจักรวาลในสำนักเต๋าก่อนหน้า การสนทนาระหว่างร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับเฟิงอวิ๋นเซิง เกิดขึ้นหลังจากยืนยันว่าเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ถูกเจี่ยนซุ่นหวายึดครองร่าง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจึงบอกสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงทางโลกซ้อนโลกให้ฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี