ถึงตอนนี้จะเป็นบรรทัดโบราณธรรมดาชิ้นหนึ่ง ไม่ได้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเหมือนตอนเฉินกานหวาใช้สู้กับคน
แต่นี่กลับเป็นอาวุธเซียนระดับไร้ช่องโหว่วอย่างแท้จริง
ไม่ใช่แค่เฉินคุนหวา ไม่ว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนไหนเห็นของวิเศษชิ้นนี้ ก็ยากจะไม่หวั่นไหว
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินคุนหวายังได้เห็นของวิเศษชิ้นนี้อยู่บ่อยๆ อยากได้เสมอมา
เขามองเฉินกานหวา “พี่ใหญ่ ท่านเลื่อนสู่ระดับเซียนจริงแท้ ตอนนี้บรรทัดจิตนภาถือว่า…”
“ไม่เป็นไร” ไม่รอเขาพูดจบ เฉินกานหวาก็โบกมืออย่างเกียจคร้าน “เจ้าเก็บไว้เถอะ ต่อให้ยังควบคุมไม่ได้ ก็ค่อยๆ หล่อหลอมไปก่อน”
ขณะที่พูด บรรทัดสำริดชิ้นนั้นก็หล่นลงบนมือของเฉินคุนหวา
เฉินคุนหวาสัมผัสได้ถึงความสำคัญของมัน ไม่ได้พูดอะไร รีบปิดดวงตาทำสมาธิ สงบความรู้สึกที่ปั่นป่วนของตัวเอง
เนิ่นนานให้หลัง เขาค่อยลืมตา จิตใจไม่พลุ่งพล่านอีกแล้ว เพียงแต่ยังคงมีความรู้สึกมากมายผสมปนเป
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น เฉินคุนหวาก็กล่าวกับคนหนุ่อาภรณ์ดำที่นั่งบนเก้าอี้ไม้โบราณโดยไม่สนใจสิ่งใดผู้นั้นว่า “ขอบคุณพี่ใหญ่”
ถึงจะเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ว่าของวิเศษชิ้นนี้ก็ล้ำค่าเกินไป
เป็นเพราะไม่ได้ให้เขายืมใช้ชั่วคราว แต่ว่าตั้งแต่นี้ไป บรรทัดจิตนภาจะตกเป็นของเขาเฉินคุนหวาแต่เพียงผู้เดียว
รอยตราส่วนตัวที่หลงเหลืออยู่ด้านในหลังจากเฉินกานหวาได้หลอมเปลี่ยนบรรทัดจิตนภาเมื่อก่อนหน้า หายไปนานแล้ว
“พี่ใหญ่ ครั้งนี้เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? ราชันพระอังคารที่ออกจากโลกซ้อนโลกไปนาน ไม่เคยกลับมาถึงกับกลับมา ยังฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิด สำเร็จเป็นเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล มิหนำซ้ำแม้แต่จักรพรรดิโกวเฉินในตำนานก็ยังถึงกับปรากฏตัว”
พอจิตใจผ่อนคลายลงเล็กน้อย เฉินคุนหวาจึงอดถามไม่ได้
เฉินกานหวาสีหน้ายังคงเกียจคร้าน สายตากลับเป็นประกาย “เจ้าอยากทราบจริงๆ?”
“เอ่อ…” ถึงจะสงสัยใคร่รู้ยิ่ง แต่พอเห็นท่าทางของพี่ชาย เฉินคุนหวาก็กล่าวอยางแน่วแน่ทันที “ไม่อยาก!”
เฉินกานหวาไม่ว่าอะไร ยิ้มอย่างเกียจคร้าน ไม่พูดอะไรต่ออีก
เฉินคุนหวาว่า “แต่ว่าตัวเลือกในครั้งนี้ของพี่ใหญ่ท่านฉลาดยิ่ง ที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว”
“ก็ไม่มีความจำเป็นต้องลงมือ” เฉินกานหวากล่าวอย่างไม่สนใจ “ในตอนที่เพิ่งเริ่ม ความรู้สึกที่พวกเขาสองฝ่ายมอบให้แก่ข้าคือแตกต่างมากเกินไป ทำให้ผลลัพธ์ไม่มีอะไรให้หวังได้แม้แต่น้อย ข้าย่อมไม่รู้สึกสนใจ”
“แต่ต่อมา เรื่องราวเกิดการหักมุมหลายครั้ง มอบความประหลาดใจอย่างไม่เคยมีมาก่อนให้แก่ข้า”
เฉินกานขณะที่พูด ดวงตาเปลี่ยนเป็นสว่างไสว รู้สึกตื่นเต้น “ข้าแค่ชมดูด้านข้าง ก็รู้สึกเป็นบุญตา ยังเกิดความรู้สึกตาลาย”
“ละครใหญ่ครั้งนี้มีสีสันจริงๆ มีสีสันเกินไป!”
เขาหัวเราะฮาๆ สภาพเหมือนเสียสติ
เฉินคุนหวาเงยหน้าถอนใจ หัวเราะขื่นขมกล่าวว่า “พี่ใหญ่ คำพูดอื่นข้าไม่พูดแล้ว แต่ขอกล่าวสักประโยค”
“ต่อให้ท่านหาความบันเทิง แต่ต้องพยายามรักษาความเป็นกลางอย่างเต็มที่ ต่อจากนี้ทำเรื่องราวใด ขอให้ตรึกตรองมากๆ…”
เฉินกานหวาชะงักเสียงหัวเราะ เลิกคิ้วขึ้น มองเขาด้วยใบหน้าประหลาดใจ
เฉินคุนหวาฝืนใจกล่าวต่อ “พี่ใหญ่ ถึงสภาพการณ์อย่างเป็นรูปธรรมข้าจะไม่ทราบ แต่ว่าบุคคลอย่างจักรพรรดิโกวเฉินปรากฏตัวแล้ว เรื่องราวจะต้องใหญ่โตแน่”
“ข้าทราบว่าท่านชื่นชอบความไม่แน่นอนและความตื่นเต้นในห้วงความเป็นความตายมาก แต่ว่าเรื่องที่ไม่มีความเป็นไปได้ที่สองนอกจากความตายเช่นนี้ ไม่มีความมายยิ่ง น่าเบื่อหน่ายยิ่งไม่ใช่หรือ?”
“ฮ่าๆๆๆ!” เฉินกานหวาหัวเราะอีกรอบ “ข้าไม่สนใจเรื่องที่ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้แล้วจริงๆ ถึงข้าจะรู้ว่าเจ้าเป็นห่วงว่าข้าจะทำให้เจ้าโดนลูกหลง แต่ข้ายินดีคิดว่าตอนนี้เจ้าในที่สุดก็เริ่มลิ้มรสความบรรเทิงของชีวิตได้หลายส่วนแล้ว”
เหล่าปีศาจที่อยู่รอบๆ ถอนใจพร้อมกัน “น่าเสียดายๆ”
จอมมารถาม “ไม่มีวิธีตามหาหรือ?”
“ถ้าไม่โผล่ออกมาเองก็ยากเย็นยิ่ง” เจ้าของนิวาสสถานเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องนี้ ผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ให้กำเนิดคนระดับสุดยอด ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงมากกว่าที่คาดไว้ พวกเราสมควรรับมือการเปลี่ยนแปลง จำนวนคนที่ออกเคลื่อนไหวก่อนหน้ายังไม่พอ”
มีจอมปีศาจจุ๊ปากชมเชย “ผู้ใดจะทราบว่าเลือดผสมตนหนึ่งในโลกมังกรอัคคี จะเลื่อนเป็นเซียนสวรรค์ได้ในเวลาแค่ไม่กี่พันปี? มิหนำซ้ำยังล้ำเลิศขนาดนี้”
คนข้างๆ ส่ายหน้า “ต่างคนต่างมีโชคชะตาของตัวเอง หากเขาอยู่ที่นี่ ใช่จะมีความสำเร็จเช่นวันนี้”
“มิผิด ดังนั้นพวกเรามาจัดการเรื่องของตัวเองเถอะ” เจ้าของนิวาสสถานกล่าว “หลังจากดื่มสุราสาบานนี้เสร็จ สหายร่วมเส้นทางทุกท่านสมควรออกเดินทางตามคำสั่งของใต้เท้า”
จอมปีศาจที่นอนเอียงข้างตรงข้ามหัวเราะหึๆ “ความอึดอัดในหลายปีมานี้ ครั้งนี้ต้องระบายให้เต็มที่ เพียงเสียดายที่ไม่อาจจัดการโจรหัวโล้นในแดนสุขาวดีอภิรดี”
เจ้าของนิวาสสถานยิ้มอย่างเฉื่อยชา “โถงเซียนเส้นทางนอกรีตยังพอว่า หากเจอคนจากแดนสุขาวดีตะวันตก ท่านมีจิตปณิธานยิ่งใหญ่ปานนี้ อย่าให้ถูกคนจับไปเป็นพาหนะก็แล้วกัน”
“เฮ้ยๆๆ! หุบปากของเจ้าซะ!” จอมปีศาจที่นอนเอียงข้างตนนั้นพลิกตัวขึ้นนั่ง ถลึงมองมา
เจ้าของนิวาสสถานกลับไม่มองเขาอีก แต่มองจอมปีศาจตนอื่นที่อยู่รอบๆ “พวกเราซ่องสุมมาหลายปี ตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาสได้เห็นเดือนเห็นตะวัน การไปของสหายร่วมเส้นทางทุกท่านในครั้งนี้ ยังเป็นแค่การเริ่มต้น ข้าจะอวยพรให้ทุกท่านได้ชัยอยู่ที่นี่”
พูดพร้อมกับยกจอกสุราตรงหน้าขึ้น แล้วดื่มสุราสีแดงก่ำด้านในจนหมด
ปีศาจตนอื่นพากันยกจอกสุราขึ้นเช่นกัน
จอมปีศาจที่อยู่ด้านตรงข้ามแค่นเสียง เทสุราเลิศรสตรงหน้าใส่ปากตัวเอง จากนั้นก็โยนจอกสุราลงกับพื้น ยืนขึ้นกล่าวอย่างดุร้าย “ไป เข่นฆ่าให้สาแก่ใจ!”
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี