“คนอื่นๆ อาจไม่เป็นไร แต่ว่าฆราวาสเถาม่วง…” เฉินเสวียนจงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฆราวาสเถาม่วง ก็คือกษัตริย์เถาบูรพาจารย์อาวุโสแห่งมรกตท่องฟ้า พูดแค่เรื่องวัยวุฒิ ถือเป็นคนที่สูงส่งที่สุดในมรกตท่องฟ้าในปัจจุบัน
เจ็ดปราชญ์ท่องมรกตที่บุกเบิกมรกตท่องฟ้า ล้วนเป็นยอดฝีมือรุ่นใหม่ของสำนักเต๋าที่เกิดมาและผงาดขึ้นหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
มีแต่กษัตริย์เถาเท่านั้นที่เป็นยอดฝีมือผู้อาวุโสซึ่งอยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เหมือนกับพวกราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่น และราชันพระอาทิตย์เกาหาน
เพียงแต่ว่าในตอนที่บุกเบิกมรกตท่องฟ้า นางมีอาการบาดเจ็บติดตัว ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วม
แตกต่างกับที่เจี่ยงเซิ่นชี้แนะพวกเซ่าจวินหวง เกี่ยวข้องเป็นครึ่งอาจารย์ครึ่งศิษย์ มีคนมากกว่าครึ่งในเจ็ดปราชญ์ท่องมรกต ที่เป็นลูกสิษย์ของกษัตรย์เถาอย่างแท้จริง
ถึงแม้เป็นเพราะต้องรักษาอาการบาดเจ็บ ปกติกษัตริย์เถาจะเข้าฌานไม่ออกมา แต่ว่าอิทธิพลที่มีต่อมรกตท่องฟ้าของนางยังคงสามารถเห็นได้
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโลกซ้อนโลก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดของเยี่ยนซิงถางราชันพระศุกร์ กษัตริย์ลี้ลับกับอาจารย์ผู้มีพระคุณมีความขัดแย้งกันมากมาย
ขณะเดียวกัน ในเรื่องอื่นๆ กษัตริย์ลี้ลับก็ทำตามความเห็นของกษัตริย์เถาอยู่หลายครั้ง
เพียงแต่ว่า เรื่องที่กษัตริย์เถาจดจำขึ้นใจมากที่สุด นอกจากความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าและบุญคุณความแค้นกับเส้นทางนอกรีต ก็คือเขานครหยกบนเขาคุนหลุนในโลกซ้อนโลกที่กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยพอได้ยิน สีหน้าเคร่งขรึม หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ
“อาจารย์ลุงเยว่ ผู้อาวุโสเฉิน ไม่ต้องกังวลไป” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ใต้เท้ากษัตริย์เถาไม่มีทางสร้างความลำบากแก่ข้า”
“ปัจจุบันเส้นทางนอกรีตต่อสู้กันดุเดือดยิ่ง หากดูจากประสบการณ์ในอดีต ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ ผู้อาวุโสสั่ว เจ้าแม่อู๋ตัง ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ กับจักรพรรดิโกวเฉิน จะเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขาตรึงกำลังกันเอง”
“เมื่อเป็นแบบนี้ แม้ว่าแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจอาจจะจับตาดูพวกเรา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเราสามารถเคลื่อนไหวได้ราบรื่นขึ้นไม่น้อยย ยิ่งอาจจะได้รับการดูแลจากพวกเจ้าแม่อู๋ตังด้วย”
รอสงครามระหว่างเส้นทางนอกรีตสองฝั่งสงบลง ความสนใจอาจจะเบนมาทางเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเดิม
ถึงขั้นที่การส่งคนออกมาเป็นจำนวนมากออกตามหาในมิตินอกเขตแดนอย่างต่อเนื่อง ก็ใช่ว่าจะไร้ความเป็นไปได้
ดังนั้นปัจจุบันจึงเป็นโอกาสอันดี
“จะละความระวังไม่ได้ ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ ยิ่งเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะเคลื่อนไหว คนที่คิดตามหาพวกเรา สมควรรอให้พวกเราเผยโฉมด้วยตัวเองอยู่” เยี่ยนตี๋ยามนี้เอ่ยขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด เป็นเช่นนี้เอง”
เขามองฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพร “มรกตท่องฟ้า รวมถึงบริเวณใกล้ๆ โลกซ้อนโลกที่หลงเหลืออยู่ ต่างมีสายตาไม่น้อยจับจ้อง เป็นคนที่กำลังรอการติดต่อของพวกเรา เพื่อวางแผนสะกดรอย ตามหาที่อยู่ของตำหนักโอสถ”
“ถ้าไม่ใช่พวกเราวางแผนรอบคอบ ต่อให้ใต้เท้ากษัตริย์ลี้ลับแห่งมรกตท่องฟ้าจัดการได้ดีกว่านี้ ก็เกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายพบแต่แรกแล้ว” ฟู่อวิ๋นฉือกล่าวเห็นด้วย
ปกติจะมีหนึ่งคนที่โดดเด่น นอกจากฟู่อวิ๋นฉือ ก็จะมีคนอื่นๆ สลับกันออกไปติดต่อกับโลกภายนอก
เยี่ยนจ้าวเกอหลอมเปลี่ยนตำหนักโอสถยิ่งมายิ่งล้ำลึก การควบคุมยิ่งมายิ่งเป็นไปดั่งใจนึก สนับสนุนฝั่งเดียวกันให้ไปๆ มาๆ ได้มิดชิดกว่าเดิม
กระนั้น ความอดทนของอีกฝ่ายก็ไม่เคยหายไป มีคนหลายกลุ่มลอบจับตาดูอยู่
“ตำหนักโอสถแห่งนี้มอบสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายให้แก่พวกเราชั่วคราว แต่ว่าเรื่องราวมีสองด้านเสมอ” เยี่ยนจ้าวเกอมองหอเซียนม่วงที่ตัวเองอยู่ “ชาวบ้านไร้ความผิดครอบครองหยกจึงผิด เป็นเพราะตำหนักโอสถ คนที่คิดถึงพวกเราจึงมีมากมาย”
“หากไปถึงจักรวาลสำนักเต๋าอีกครั้ง เพื่อทดลองนำมรกตท่องฟ้ามาด้วยจริงๆ การเคลื่อนไหวจะต้องใหญ่โตแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งลูบคางทางหนึ่งกล่าว “ส่งเสียงบูรพาตีประจิม ลอบตีฉางเฉิงดีกว่า”
ก่อการเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ ดึงความสนใจของอีกฝ่าย จากนั้นรีบเผด็จศึก นำมรกตท่องฟ้ามา แล้วออกจากจักรวาลสำนักเต่า แอบเข้าหลบเร้นสู่ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอีกครั้ง
ถึงแม้ไม่อาจดึงความสนใจของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด ทำได้แค่ส่วนหนึ่ง ความเป็นไปได้ที่จำทำสำเร็จจะต้องมีมากอย่างมิต้องสงสัย
เยว่เจิ้นเป่ยเอ่ยอย่างเนิบนาบ “ให้ข้าไปเถอะ”
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร พลันมีประกายกระบี่สายหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกล
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเห็นประกายกระบี่ ไม่แสดงท่าที ส่งสัญญาณอย่างลับๆ
ประกายกระบี่ไม่ลดความเร็ว รับพวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนที่พุ่งผ่าน จากนั้นก็โถมไปยังที่ไกลดุจสายฟ้าฟาด
ในมิตินอกเขตแดน มิติเวลาเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ยากจำแนกทิศทาง ประกายกระบี่นั้นบอกไม่ได้ว่าเปลี่ยนทิศทาง เคลื่อนไหววกวนอยู่ในความว่างเปล่า
ระหว่างนี้หยุดลงเพียงไม่กี่ครั้ง ยังได้เก็บสมบัติล้ำค่าที่มีเฉพาะในมิตินอกเขตแดนไปด้วย สุดท้ายค่อยมีท่าทีพอใจ วกกลับจักรวาลสำนักเต๋า
หลังจากเข้าสู่จักรวาลสำนักเต๋า ประกายกระบี่ไม่ได้หยุดลง มุ่งหน้าต่อไป สุดท้ายเข้าไปในมรกตท่องฟ้า
ประกายกระบี่พุ่งปราดไปในนิวาสถานบนภูเขาลูกหนึ่ง
จนกระทั่งถึงที่นี่ ประกายกระบี่ค่อยหุดลง แสงสว่างสลายไป เผยให้เห็นนักรพรตชราที่ปล่อยผมสยายไม่ได้มัดไว้
เป็นจักรพรรดิสัญญะเมฆที่เคยพบหน้ากันมาครั้งหนึ่ง
ที่แห่งนี้ไม่ใช่หุบเขาธุลีวิญญาณนิวาสสถานของจักรพรรดิเมฆ
ในนี้ยังมีคนอื่นๆ อยู่ด้วย
นอกจากเกาเสวี่ยโพและหลงเสวี่ยจี้สองพี่น้องที่คุ้นเคยกันดี ยังมีบุรุษอายุราวๆ สามสี่สิบปี ใบหน้าองอาจ ท่วงท่าสบายๆ คนหนึ่งอยู่ด้วย
ถึงจะพบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นภาพวาดของอีกฝ่ายมาหลายต่อหลายครั้ง
หลงซิงเฉวียน หลงจักรพรรดิน้ำพุผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ ศิษย์น้องร่วมสำนักของเยี่ยนซิงถางราชันพระศุกร์ ที่อยู่ในมรกตท่องฟ้ามาโดยตลอด
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี