มหาเซียนชั้นมหาชาลสำนักเต๋า หรือยอดฝีมือของศาสนาพุทธที่เทียบเท่ากับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลสำนักเต๋า จะถูกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ชำระล้างได้หรือไม่ เยี่ยนจ้าวเกอไม่แน่ใจ
ทว่าดูจากมุมมองด้านความต้องการหรือผลประโยชน์แล้ว มหาเซียนชั้นมหาชาลไม่มีความจำเป็นต้องเข้ากับเส้นทางนอกรีตด้วยตัวเอง
ดูจากปัจจุบัน ค่าตอบแทนและสิ่งที่ต้องจ่ายออกไปไม่อาจเปรียบเทียบกันได้โดยสิ้นเชิง
ตอนเห็นนันทิเกศวรติ้งกวง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
ทว่าหลังพิจารณาสภาพของอีกฝ่ายอย่างละเอียด ในใจก็มีการคาดเดาคร่าวๆ
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายจะประสบภัยพิบัติ ระดับหล่นลง จากนั้นก็ไม่มีความหวังขึ้นสู่สวรรค์มหาชาลอีก จึงจำเป็นต้องเข้ากับเส้นทางนอกรีต
พอมาถึงระดับอย่างนี้ จอมยุทธ์ศึกษาฝึกฝนหลัการของฟ้าดิน ด้านนอกกลับสู่ฟ้าดิน ด้านในในสะท้อนตนเอง ทุกอย่างหลอมรวมเป็นหนึ่ง นอกในไร้รอยต่อ
ดังนั้นต่อให้นันทิเกศวรติ้งกวงเคยพึ่งตัวเองขึ้นสู่ระดับมหาชาล ทว่าหลังจากระดับหล่นลง ถ้าไม่อาจพึ่งพาตัวเองปีนป่ายขึ้นไปได้ แต่ใช้แสงพุทธพลังศรัทธาช่วยเหลือ ระดับขีดความสามารถของเขาได้แค่ใกล้เคียงกับเหล่าพระพุทธเจ้าในแดนสุขาวดีบัวขาว สุดท้ายยังสู้มหาเซียนชั้นมหาชาลที่แท้จริงไม่ได้
แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีรากฐานแน่น ขีดความสามารถก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
แต่ว่าคู่ต่อสู้ที่เผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ เขากลับเทียบไม่ได้
เพิ่งจะได้เจอกัน นันทิเกศวรติ้งกวงก็พ่ายแพ้ยับเยิน
พอเขาพ่ายแพ้ แนวป้องกันที่เกิดจากบัวขาวมากมายก็พลันพังทลาย ไฟสีทองกับบัวเขียวแผ่ขยายออกไม่หยุด พักกระพือสภาวะเทียมฟ้า เหมือนกับกระจายไปทั่วแดนสุขาวดีบัวขาว เปลี่ยนแปลงฟ้าดิน
พระศรีอาริย์ต่อสู้กับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณในสนามรบที่มีระดับสูงกว่า ตรึงกำลังกันและกัน
ในวินาทีนี้ พระพุทธเจ้าจากศาสนาพุทธสายหลักที่เทียบได้กับเทวกษัตริย์ของสำนักเต๋าท่านหนึ่ง แสดงการคุกคามแดนสุขาวดีบัวขาวได้อย่างหมดจด
แต่ถึงอย่างไรแดนสุขาวดีบัวขาวก็เป็นแดนสุขาวดีพุทธเกษตรของพระศรีอารย์ แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่จากศาสนาพุทธสายหลัก ยามเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน ยังคงต้องระวังตัว
แสงพุทธพลังศรัทธาหลายสายพุ่งออกมาจากพุทธเกษตรแต่ละที่ ตัดขวางสลับกัน เหมือนกับตาข่าย สร้างความครั่นคร้ามแก่บัวขาวเหล่านั้น
ผู้ใดทราบว่าพระศรีอารย์จะตัดสินใจไสม้าพกหอกออกมาเข่นฆ่าอย่างฉับพลันหรือไม่?
ขณะที่สองฝ่ายกำลังพัวพันกันอยู่ ก็มีลมปีศาจหลายระลอกพุ่งมาจากด้านนอกแดนสุขาวดีบัวขาว
ลมปีศาจเหมือนกับหมอกสีดำ ครอบคลุมท้องฟ้าและดวงตะวัน ม้วนพัดกลางจักรวาล แม้แต่แสงทองจากแสงทองบัวเขียวก็ยังมัวหม่นลงมาก
‘เผ่าปีสาจ…มหาเทวะ!’ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมองหน้ากัน เกิดความกระจ่างขึ้นในใจ
พร้อมกับการเข้าร่วมสงครามของมหาเทวะเผ่าปีศาจผู้หนึ่งซึ่งมาสนับสนุน ในที่สุดจังหวะขยายผลการต่อสู้ของแดนสุขาวดีตะวันตกก็ชะงักลง
พระพุทธเจ้าที่เป็นผู้นำต่อสู้กับลมปีศาจเป็นพัลวัน
แดนสุขาวดีบัวขาวมีขนาดใหญ่โตกว่าจักรวาลสำนักเต๋ากับจักรวาลฟ้าฟื้นเสียอีก
ทว่าเวลานี้ผู้ยิ่งใหญ่ที่เทียบได้กับเทวกษัตริย์สำนักเต๋าสองคนต่อสู้กัน พลันทำให้จักรวาลทั้งหมดเหมือนกับเริ่มสั่นไหว
“เป็นอย่างไร?” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มองสองฝ่ายที่สู้กัน เฟิงอวิ๋นเซิงเงยหน้ามองไป ดวงตาสองข้างเปลี่ยนเป็นสีดำแกมน้ำเงิน
นางทางหนึ่งสำรวจ ทางหนึ่งเอ่ย “พระพุทธเจ้าองค์นั้นมีศีรษะยี่สิบข้าง สิบแปดมือ แยกเป็นถือพาหุรัด กรด แจกันดอกไม้ ไส้ปลา วัชระปลุกเสก ตะไบวิเศษ กระดิ่งทอง ธนูทอง ง้าวเงิน ธง ฉัตรวิเศษ ดอกบัว ป้ายอาญา ขันบาตร หอกแหลม กระบี่หน้ากว้าง สารีริกธาตุ พระสูตร”
“บนศีรษะมีแสงทอง บนแสงยังมีสารีริกธาตุ…”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว “ลักษณะฟังดูคุ้นๆ แต่ว่ารูปร่างของผู้ยิ่งใหญ่ศานามพุทธมีจุดคล้ายกันอยู่หลายส่วน ไม่อาจรีบร้อนลงความเห็น”
“มหาเทวะนั่น…” เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดพิกล “รูปร่างของมหาเทวะนั้น เหมือนกับมหาเทวะสยบฟ้าในตำนาน”
เยี่ยนจ้าวเกองุนงง “มหาเทวะสยบฟ้าราชาปีศาจกระทิง?”
เพิ่งจะเล่นงานมหาเซียนหรูอี้จนกระเซอะกระเซิงไม่ทันไร สุดท้ายได้เจอพี่ชายของเขาในทันที เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจไม่ทอดถอนใจว่าไฉนโชคของตนจึงเป็นเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี