การแย่งชิงพลังศรัทธา สร้างความแข็งแกร่งแก่ความเชื่อของตัวเองของแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียนเส้นทางนอกรีตทั้งสอง ดำเนินมาเป็นระยะเวลาหลายปีหลายปีแล้ว
เพราะว่าก่อนหน้านี้สั่วหมิงจางเข่นฆ่าเหล่าเซียนในโถงเซียน การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเสียสมดุล แดนสุขาวดีบัวขาวฉวยโอกาสจู่โจมโถงเซียนอย่างกำเริบเสิบสาน
สุดท้ายสองฝ่ายต่างหาผู้ช่วย
ในฐานะศาสนาพุทธสายหลัก แดนสุขาวดีตะวันตกไม่ลงรอยกับศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีตโดยกำเนิด จึงช่วยเหลือโถงเซียน
เผ่าปีศาจกลับยืนอยู่ข้างแดนสุขาวดีบัวขาว
ไม่ทราบว่ามีการตกลงกันไว้หรือไม่ ในเวลาส่วนใน สงครามระหว่างสองฝ่ายเป็นแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียนคู่แค้นเก่าสู้กัน ส่วนแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจที่มาช่วยเหลือเปิดสงคราม
ช่วงที่สลับกันมีค่อนข้างน้อย
เป็นเพราะว่าแดนสุขาวดีบัวขาวยึดครองสภาวะโจมตีฝ่ายรุก ดังนั้นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงมักเกิดขึ้นบนพื้นที่ของโถงเซียน
ตามข่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบในตอนนี้ นี่เป็นการก้าวสู่พื้นที่ของแดนสุขาวดีบัวขาวเป็นครั้งแรกหลังจากสงครามเริ่มเป็นต้นมาของผู้สืบทอดศาสนาพุทธสายหลักแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก!
‘จุดเริ่มต้นของการโต้ตอบ หรือเป็นสัญญาณที่การต่อสู้ยกระดับขึ้นขั้นหนึ่ง?’ ชั่วพริบตาเดียวเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความคิดมากมายในห้วงสมอง ‘แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจต่างคิดจะส่งยอดฝีมือจำนวนมากกว่าเดิมเข้าร่วมการต่อสู้หรือ?’
ขณะที่คิด เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เคลื่อนไหวช้าลงแม้แต่น้อย เร่งความเร็วพุ่งไปทางแดนขวางกั้นกับเฟิงอวิ๋นเซิง
หลังจากเข้ามาแล้ว ทิวทัศน์ตรงหน้าเป็นเหมือนเดิม
แต่ต่างไปจากอดีต เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะเข้ามา ที่หูก็มีเสียงคำรามที่เหมือนทะลุกาลเวลาหมื่นปีดังขึ้น
“ท่านอาจารย์?!”
ความกัดกลุ้ม ความไม่ยอม ความตื่นตระหนก ความเศร้าเสียใจ ความงงงวย ความผิดหวัง อารมณ์มากมาย เหมือนกับทะลุกาลเวลาและมิติช่องว่าง คงอยู่บนโลกใบนี้ตลอดกาล
ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังฝึกปรือเหนือกว่าตอนที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก
ทว่าวันนี้เสียงคำรามที่ดังขึ้นข้างหูเขา เหมือนกับดังกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ดังจนแก้วหูแทบฉีกขาด
ขณะเดียวกัน อารมณ์อับ้าคลั่งที่สั่นไหวจิตใจคนได้กระทบกระเทือนจิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอจนปั่นป่วนไปแวบหนึ่ง
“เป็นอย่างที่คาด ระดับพลังฝึกปรือยิ่งสูง กลับได้ยินชัดเจนขึ้นหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง กลับเห็นนางมีสีหน้ามึนงง
พอสัมผัสได้ถึงสายตาถามไถ่ของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงก็เข้าใจความหมายของเขาในทันที แต่ความงุนงงสงสัยบนใบหน้ากลับชัดเจนกว่าเดิม “ท่านได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว?”
“เจ้า…ไม่ได้ยินหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นสะท้าน
“ไม่ได้ยิน” เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ในตอนที่มาเป็นครั้งแรก ท่านเคยพูดถึง ดังนั้นครั้งนี้พอเข้ามา ข้าก็ตั้งใจสัมผัสทันที แต่ว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร กำลังสงสัยอยู่พอดี”
ครั้งนั้นนางเคยได้ยินเสียงที่เลือนราง เหมือนกับความรู้สึกหลอน ถ้าหากว่าไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอถามขึ้น นางยังนึกว่าตัวเองหูฝาด
ปัจจุบันนางมีพลังเหนือกว่าตอนนั้น ถึงขั้นที่สูงกว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ คิดไม่ถึงกลับไม่มีผลลัพธ์อะไร
เฟิงอวิ๋นเซิงกำลังขบคิดอยู่ว่าเสียงที่ดังมาจากเขาสองเขตแดนนั้นขาดหาย หรือคนที่ส่งเสียงไม่อยู่ สุดท้ายพอเห็นท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอ นางพลันใจเต้น
“นี่เป็นเรื่องอะไรกัน?” เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “พิลึกอยู่บ้างจริงๆ!”
เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอะไรได้ มองไปยังทิศทางของเขาสองเขตแดนที่อยู่ไกลออกไป
เสียงคำรามนั้นเหมือนคงอยู่ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ทุกช่วงเวลา ดังมาไม่ขาดสาย สะท้อนเสียงข้างหูเขาไม่หยุดยั้ง
ขณะใคร่ครวญ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าสั่นไหนเล็กน้อย หันหน้าไปพร้อมกัน
สายตาของพวกเขาทะลุเขตแดนมิติเวลาของแดนขวางกั้น มองไปยังมิติจักรวาลด้านนอกโลก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี