เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือแก่ชื่อหลานเต้าหยิน “ขอบคุณคำอวยพรของเต้าจ่าง ข้าผู้แซ่เยี่ยนซาบซึ้งยิ่ง”
“มิกล้าๆ” ชื่อหลานเต้าหยินยิ้มพลางส่ายหน้า
“ต่อให้เป็นมนุษย์เซียนผู้ถูกเนรเทศ ต่อให้เป็นเทวกษัตริย์น้อย ก็เปลี่ยนความจริงที่เขายังอยู่ในระดับเซียนจริงแท้ไม่ได้” หลี่ซิ่งป้ามองเยี่ยนจ้าวเกอ กลับกล่าวอย่างเย็นชา
“ต่อให้มีพลังฝึกปรือและความสามารถน่าตกตะลึง อยู่เหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเดียวกัน เซียนจริงแท้ผู้หนึ่งก็ทานรับนิ้วมือนิ้วเดียวของเซียนกำเนิดเช่นพวกเราไม่ได้”
ใบหน้าที่แดงเหมือนพุทราของเขาสงบนิ่ง “อย่าคิดว่าข้ากล่าววาจาไม่น่าฟัง ยังไม่เอ่ยถึงแก่นเซียนของพวกเราที่ไม่เห็นปราณเซียนของเซียนจริงแท้ในสายตา เพียงแต่เสียงมหามรรคา เขาเซียนจริงแท้เพียงคนเดียวจะรับมืออย่างไร? ถึงเวลาถูกสะกดไว้เหมือนหุ่นไม้รูปปั้นดิน ไปกับไม่ไปมีข้อแตกต่างใด?”
ชื่อหลานเต้าหยินเงียบงัน
เรื่องที่พวกเขาต้องการไปทำในตอนนี้ ต้องดูระดับในปัจจุบันถึงจะทำได้จริงๆ
ต่อให้ในอนาคตมีศักยภาพมากขนาดไหน ตอนนี้ก็ยังเป็นตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ใด
คำพูดของหลี่ซิ่งป้าแม้ไม่น่าฟัง แต่กลับจี้ใส่จุดอ่อนจริงๆ
“วาจาของหลี่เต้าจ่าง ความจริงข้าก็ยังเห็นด้วย มีคนที่ไปไม่สู้ไม่ไปจะดีกว่าจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอพลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกหลี่ซิ่งป้างงงันก่อน จากนั้นเห็นสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอตวัดมองคนคนหนึ่งในหมู่พวกเขา
กงซุนฮุย
ศิษย์ของหลี่ซิ่งป้า
“ท่านพูดถึงข้า?” กงซุนฮุยงุนงง ก่อนจะได้สติ เดือดดาลจนยิ้มขึ้นมา “จอมยุทธ์ที่เพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียนอย่างท่าน ติติงข้าที่สองปราณรวมเป็นวายุมานาน ไม่รู้สึกว่าน่าขันหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย “ความจริงที่โหดร้ายสำหรับพวกท่าน สำหรับข้ากลับควรค่าแก่ความยินดี”
เสียงเพิ่งขาด เขาก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง ฟาดฝ่ามือใส่กงซุนฮุย!
เร็วจนกงซุนฮุยแทบรับมือไม่ทัน
กงซุนฮุยรับมือไม่ทัน แต่หลี่ซิ่งป้าอาจารย์ของเขาทัน
ชายชราหน้าแดงแค่นเสียง “บังอาจนัก!”
พอกล่าวประโยคนี้ แม้ชายชราจะไม่ได้เพิ่มความดังของแสง แต่ความรู้สึกที่มอบแก่ผู้คนกลับเปลี่ยนไป
เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นยิ่งใหญ่สูงส่ง ราวกับเสียงเซียนที่ดังมาจากสวรรค์ชั้นเก้า
ขณะนี้ ถึงหลี่ซิ่งป้าจะไม่ลงมือ แต่เสียงมหามรรคาที่ไร้รูปร่างก็พุ่งใสเยี่ยนจ้าวเกออย่างมืดฟ้ามัวดิน
เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกว่าวิญญาณและร่างกายถูกสะกดในพริบตาหนึ่ง เหมือนกับติดอยู่ในห้วงไร้ความรู้สึกที่ไม่อาจขยับไม่อาจรับรู้ไม่อาจรู้สึก
เกาหาน ชื่อหลานเต้าหยิน กงซุนฮุยที่อยู่ตรงหน้า เฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้างเหมือนกับหายไป
โลกเหลือเพียงร่างของหลี่ซิ่งป้า
เงาร่างของอีกฝ่ายปรากฏความสุดโต่งสองอย่างที่ขัดแย้งกันโดยสมบูรณ์
พร้อมกับที่เสียงมรรคาดังขึ้น ร่างกายของเขาเหมือนกับใหญ่โตขึ้นไร้ขอบเขต เติมเต็มคลองจักษุของเยี่ยนจ้าวเกอ คงอยู่ทุกที่ สั่นสะท้านจิตใจผู้คน
เพียงแต่ว่า เหมือนกับออกห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอไปเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นเล็กจิ๋วสุดขีด ไกลสุดขีด
พริบตาต่อมา ภาพตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ สลายไป คล้ายกับแม้แต่การมองก็ถูกช่วงชิง ไม่อาจคิดไม่อาจเห็น
ตัวเขาเหมือนกับรูปปั้นดินหุ่นไม้ที่ไร้วิญญาณและความรู้สึก ได้แต่ยืนนิ่งกับที่
ในสายตาของคนอื่นๆ เหมือนกับประกายตาในตาสองข้างของเยี่ยนจ้าวเกอดับลงไปอย่างฉับพลัน
กงซุนฮุยแค่นเสียง สีหน้าฉายแววรังเกียจ
ชื่อหลานเต้าหยินส่ายหน้าอย่างอับจน ถอนใจไม่พูดอะไร
เกาหานมองเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยความใคร่รู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี