ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 139

ไม่ต้องพูดถึงบรรดาคนของตระกูลเยี่ยนจากเกาะจ้าว จอมยุทธ์ชุดดำของตระกูลเยี่ยนจากเกาะนภากลางกลุ่มหนึ่งตามเยี่ยนจ้าวเกอมา ก็เผยสีหน้าตื่นตระหนกเช่นกัน

การที่ศิษย์ตำหนักอัสนีสวรรค์ประลองกับผู้อื่น หากภายในไม่กี่กระบวนท่าก็รู้ผลแพ้ชนะ อย่างไรผู้ชนะก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์แน่อยู่แล้ว

ยิ่งเวลายืดเยื้อออกไปนานเท่าไร โอกาสชนะของจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ก็ยิ่งต่ำลง หากจะชนะก็ต้องชนะให้ไว ในกรณีที่แพ้ให้แก่คู่ต่อสู้ โดยปกติแล้วล้วนเกิดขึ้นหลังจากการสู้รบด้วยความยากลำบากอย่างยาวนานจนพ่ายแพ้

หากไม่ใช่เพราะคู่ต่อสู้กดดันด้วยระดับขั้น นานเท่าใดแล้วที่โลกแปดพิภพไม่ได้พบเจอจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ ถูกศัตรูระดับขั้นเดียวกันโค่นอย่างรวดเร็วเช่นวันนี้

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน บัดนี้แขนขวาที่ขาดของเยี่ยนซ่านเพิ่งร่วงลงมาจากกลางอากาศ

มือขวาที่ขาดของเขายังคงกำกระบี่อัสนีทองคำม่วงเอาไว้แน่น มันมีจิตวิญญาณเต็มเปี่ยม ฉุดลากแขนขาดของเยี่ยนซ่านด้วยตัวมันเอง ก่อนจะลอยไปหาเจ้าของ

ทว่าขณะกระบี่อัสนีทองคำม่วงเพิ่งจะขยับ กระบี่วิญญาณมังกรเขียวของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยกขึ้นไปแล้ว แสงสีเขียวส่องสว่างวาบครั้งเดียว ก็หยุดยั้งกระบี่อัสนีทองคำม่วงเอาไว้ได้

จากการสั่นสะเทือนของปราณจิตรา นิ้วมือทั้งห้านิ้วของแขนข้างที่ขาดกางออกโดยธรรมชาติ ปล่อยด้ามกระบี่ลง

เยี่ยนซ่านจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความโกรธแค้น “เจ้า…”

เยี่ยนจ้าวเกอย่อมทำหน้าตาเฉย ปลดกระบี่อัสนีทองคำม่วงด้วยกระบี่วิญญาณมังกรมรกต

ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของเยี่ยนซ่าน จึงไม่สามารถรวบรวมพลังจิตได้ ทำให้เชื่อมประสานกับกระบี่อัสนีทองคำม่วงได้ไม่ลื่นไหลนัก แม้มันอยากจะกบฏ แต่ก็ถูกกระบี่วิญญาณมังกรมรกตปราบปรามได้อย่างสบายๆ

ชายหนุ่มกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เจ้าเคราะห์ดี กลับไปจงอย่าลืมขอบคุณคุณชายหลินโจวเสียล่ะ”

เยี่ยนซ่านได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป ครั้นเก็บกระบี่อัสนีทองคำม่วงแล้ว ชายหนุ่มก็หันกายเดินกลับไปหาดอกไม้เมฆาวิญญาณ พลางโบกไม้โบกมือไปทางอาหู่

อาหู่ยิ้มหัวเราะชั่วร้าย แล้วเดินไปทางกลุ่มคนของเยี่ยนหมิ่นพร้อมกับบรรดาจอมยุทธ์ชุดดำคนอื่นๆ

เยี่ยนหมิ่นและคนอื่นๆ มีสีหน้าซีดขาว เพิ่งจะคิดออกถึงคำพูดที่เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวไว้ก่อนหน้า อยากจะต่อสู้ดิ้นรนต่อต้าน จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ของอาหู่และคนอื่นๆ อีกหรือ

เยี่ยนจ้าวเกอเด็ดดอกไม้เมฆาวิญญาณเก็บไปโดยสนใจแต่ตนเองเท่านั้น ไม่สนใจเสียงร้องห่มร้องไห้เหมือนผีสางหมาป่าพักหนึ่งของคนตระกูลเยี่ยนจากเกาะจ้าว และไม่สนใจเยี่ยนซ่านที่มีสีหน้าพักหนึ่งซีดเขียวพักหนึ่งซีดขาว

เยี่ยนซ่านและคนอื่นๆ หนีไปอย่างจนตรอก ทิ้งโลหิตสดนองพื้นเอาไว้

ชายชราผู้นั้นที่กำลังดูแลเยี่ยนหมิ่น ก่อนที่เขากำลังจะจากไป ก็พลันกล่าวโดยไม่คำนึงถึงสีหน้าอันน่าอับอายของเยี่ยนซ่าน “คุณชายฟ้าคำรนก็อยู่ที่ภูเขาหิมะพันผูกบูรพาแห่งนี้เช่นกัน!”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ ทำให้ชายชราผู้นั้นผิดหวังอยู่บ้าง

อาหู่กลับถึงข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ

“คุณชายขอรับ ในตอนที่เยี่ยนซ่านนั่นเพิ่งจะลงมือ เห็นได้ชัดว่ามีจิตสังหารแรงกล้าต่อท่าน…”

เยี่ยนจ้าวเกอรวบรวมดอกไม้วิญญาณ พลางพูดไปด้วย “ปล่อยเขากลับไปยังเป็นประโยชน์อยู่เล็กน้อย แขนข้างที่ขาดแล้วของเขา เขานำไปด้วยแล้วใช่หรือไม่”

อาหู่กล่าวตอบว่า “นำไปแล้วขอรับ หากจัดการได้ทันกาล ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมกลับไปได้ เพียงแต่ว่าในฐานะจอมยุทธ์แล้ว แขนขวายากยิ่งที่จะมีประโยชน์สำคัญต่อไปได้อีก”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เป็นไร เขาฝึกกระบี่ หากมือซ้ายไม่ได้ ยังมีโอกาสที่จะฝึกกระบี่มือขวาได้”

อาหู่เกาศีรษะ “คุณชาย”

“ตอนที่ข้าจดจ่อฝึกฝนอยู่ที่เขานิมิตเมฆ เจ้ารับส่งข่าวสารเหมือนอย่างเช่นปรกติ จากนั้นรวบรวมรายงานข้า” สายตาเยี่ยนจ้าวเกอเพ่งมองเล็กน้อย “เรื่องเกี่ยวกับตำหนักอัสนีสวรรค์ มีข่าวสารอันใดที่ควรแก่การให้ความสนใจหรือไม่”

ชายร่างใหญ่ได้สติ “เมื่อครู่คุณชายเอ่ยถึงคุณชายหลินโจว…”

หลินโจว บุคคลอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตำหนักอัสนีสวรรค์อีกคน ที่ถูกเอ่ยนามรวมๆ ว่า ‘ฟ้าแลบฟ้าร้อง’ โดดเด่นเช่นเดียวกับเยี่ยนซ่าน

ขณะเดียวกัน ฐานะสังคมของเขาก็ไม่ธรรมดา บิดาของเขาก็คือผู้อาวุโสใหญ่ที่มีตำแหน่งอำนาจสูงในตำหนักอัสนีสวรรค์

ในการประชุมผ่านภาเมื่อสามปีก่อน หลินโจว เยี่ยนจ้าวเกอ และคนอื่นๆ ได้รับสมญานามว่าเป็นสี่คุณชายแห่งยุค โดยหลินโจวได้ชื่อเล่นว่าคุณชายฟ้าคำรน

แตกต่างกับสวีเฟย ลู่เวิ่น และเยี่ยนจ้าวเกอจากสำนักเขากว่างเฉิง หรือถังหย่งฮ่าว เซียวเซิง และเฉาหยวนหลงจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ที่แต่ละคนต่างก็มีฝีมือยอดเยี่ยมเหนือกว่าคนในแต่ละรุ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี