สินสงครามอีกอย่าง ย่อมเป็นสายเลือดของเผ่าปีศาจวานร
ขณะที่อนุเทวะเผ่าวานรขนสีเทาตนนั้นถูกเฟิงอวิ๋นเซิงทำร้าย คนอื่นๆ ไม่พบว่า เฟิงอวิ๋นเซิงได้เอาเลือดปีศาจส่วนหนึ่งของเขามา
สำหรับอนุเทวะเผ่าปีศาจที่เทียบได้กับเซียนกำเนิดของสำนักเต๋าตนหนึ่ง เลือดหยดหนึ่งมีความบริสุทธิ์ถึงขีดสุด หากกระจายออกมา เกรงว่าจะไม่ได้ไหลรินเป็นสายธาร
เฟิงอวิ๋นเซิงเอามาได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหยด คิดว่าสมควรใช้ได้เพียงพอ
ที่พวกเขามาในครั้งนี้ นอกจากความสนใจที่มีต่อวารีสามแสง ก็คือหมายตาเผ่าวานรที่อยู่ที่นี่ ต้องการเอาเลือดมา
หลังจากได้เลือดที่ต้องการมาแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอสามารถทดลองให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับพ่านพ่านกลืนกินหลอมเปลี่ยนเลือดปีศาจนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นปีศาจวานรดูได้
ปัจจุบันเป้าหมายสองอย่างบรรลุผล การเดินทางครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
เยี่ยนจ้าวเกอรออีกสักพัก ก็เห็นเงาร่างภรรยาของตัวเองปรากฏขึ้นจากที่ไกล แล้วมาถึงตรงหน้าเขา
“ได้เลือดปีศาจมาแล้ว” หลังจากเจอกัน เฟิงอวิ๋นเซิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนจ้าวเกอแกว่งน้ำเต้าสีแดงในมือให้นางดู “ทางข้าก็ได้มาแล้วเช่นกัน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็รีบออกไปเถอะ” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “ข้าสังหารนกเผิงยักษ์ไปตัวหนึ่ง เผิงท่องเมฆหมื่นลี้หากอยู่ที่นี่ หลังจากลงมือ เกรงว่าจะเล็งเป้าหมายมาที่พวกเรา”
นางไม่ใช่คนมืออ่อน ยามลงดาบที่แล้วมาล้วนเกิดคนตายนับไม่ถ้วน
แม้จะแย่งชิงวารีสามแสงกับหลิงชิงและชื่อหลานเต้าหยิน ทว่าสุดท้ายก็เป็นนคนที่เดินบนเส้นทางเดียวกัน ที่ไว้ชีวิตวานรเทาตัวนั้นก็เพราะเห็นแก่หน้ามหาเทวะ
กับศัตรูที่เหลือ นางลงมือไม่ปรานีแล้ว
ทว่าการเข่นฆ่าตอนนั้นเป็นเรื่องราวหนึ่ง ปัญหาที่จะต้องเผชิญหลังจากนี้ย่อมไม่อาจมองข้ามได้
การคุกคามของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้กับพวกมหาเทวะเผ่าปีศาจ ผู้ใดก็ไม่อาจดูแคลน
“เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เป็นผู้นำทัพในการต่อสู้กับแดนสุขาวดีตะวันตกในบริเวณนี้ ศัตรูอันดับแรกของเขายังเป็นแดนสุขาวดีตะวันตก รอเขาลงมือ ยังไม่ทราบว่าต้องรอถึงเวลาไหน” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ในตอนที่ย้ายมรกตท่องฟ้า บุตรของเขาก็มาหาเรื่องพวกเรา วันนี้พวกเขาเผ่าเผิงยักษ์เพีงจ่ายดอกเบี้ยก่อนเวลาเล็กน้อยเท่านั้น”
ถึงในสงครามบนจักรวาลสำนักเต๋าในตอนนั้น ฝูลัวจื่อจะมาถึงในตอนสุดท้าย ไม่อาจต่อสู้กับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
กระนั้นหลังจากการตรวจสอบหลังเรื่องราวจบลง พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ยินชื่อของนายน้อยแห่งเผ่านกเผิงยักษ์ผู้นี้แล้ว
สองสามีภรรยาออกเดินทาง ระหว่างทางเฟิงอวิ๋นเซิงถามขึ้น “จริงด้วย ตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบใบนั้นมีความล้ำค่าตรงไหนกันแน่?”
“ไม่รู้สิ” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า
“หา?” เฟิงอวิ๋นเซิงงุนงง “ท่านไม่ทราบ แล้วท่านทราบได้อย่างไรว่าสิ่งที่ราชันพระอาทิตย์ต้องการจริงๆ เป็นของชิ้นนั้น ไม่ใช่วารีสามแสง?”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะขึ้นก่อน “ข้าว่าเกาหานก็ต้องการวารีสามแสงเช่นกัน แต่ว่าเทียบกับตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบแล้ว วารีสามแสงด้อยกว่า”
จากนั้นเขาก็ยักไหล่ “ข้าไม่ทราบว่าตะเกียงใบนั้นมีประโยชน์อะไร ความล้ำค่าอยู่ตรงไหน และไม่ทราบว่าเกาหานเอามันไปทำอะไร”
“แต่ข้ารู้สึกว่า วาจาที่คนอย่างเกาหานกล่าว แม้แต่เสียงหายใจยังไม่ควรเชื่อง่ายๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “ต่อให้เขาเสแสร้งประดิฐประดอยกว่านี้ วาจาสมจริงกว่านี้ ในปัญหาที่สำคัญที่สุดก็สมควรมีปัญหา!”
“ข้าไม่ทราบรายละเอียดของตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบใบนั้น แต่พวกเราดูออกว่า ถ้าหากไม่นับวารีสามแสง สิ่งที่เกาหานจะได้ไปในวันนี้ ก็คือตะเกียงใบนั้น”
“ต่อให้ดูเหมือนกับว่าเขาชิงของวิเศษมาจากศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นแค่สินสงครามที่ดูธรรมดาชิ้นหนึ่ง แต่พอของไปอยู่ในมือของคนอย่างเกาหาน ข้าก็ไม่อาจไม่สังเกต”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็เว้นเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “ต่อให้ไม่ได้ซ่อนเล่ห์เหลี่ยมอะไรจริงๆ การทดลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย ถึงอย่างไรระหว่างเรากับเขาก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่แท้จริง ก่อนหน้านี้เขายังขุดหลุมให้ข้าด้วย”
“แต่ไฉนข้าจึงเห็นว่าท่านพอใจกับฉายานี้ยิ่ง?” เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เหลือบมองดูเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี