เกาหานยิ้มเล็กยิ้มน้อยกล่าว “ถึงอย่างไรสหายน้อยเฉินเจ้าก็ว่างอย่แล้ว มิสู้ไปลองดู”
“เบาะแสไม่จำเป็นแล้ว ข้าทราบว่ามีเรื่องนี้ก็ใช้ได้แล้ว” เฉินกานหวากล่าวอย่างเฉื่อยชา “ข้ารู้จักหูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัส หากตั้งใจตามหาที่ฝังศพของนางกลับไม่ยากเย็นนัก นอกเสียจากนางจะตายในเมฆดาราปฐมกำเนิดหรือสภาพแวดล้อมที่คล้ายๆ กันเหมือนอย่างอาจารย์ของนาง”
“นั่นย่อมประเสริบสุด แน่นอนว่าข้ายังหวังให้ท่านช่วยข้าตามหาสิ่งของก่อน” เกาหานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ข้าก็คิดเช่นนี้อยู่พอดี” เฉินกานหวาหัวเราะฮ่าๆ
เกาหานกวาดมองรอบๆ “จริงด้วย ก่อนหน้านี้ที่นี่ยังคงมีคนที่เกิดความขัดแย้งกับเยี่ยนจ้าวเกอ ถ้าหากว่าสหายน้อยเฉินเจ้าต้องการตามหา อย่างน้อยสุดมีเซียนกำเนิดผู้หนึ่งกับเซียนลี้ลับผู้หนึ่งเป็นผู้ช่วย”
ว่าแล้ว เขาก็ยกมือขึ้น มียันต์สีเขียวสองแผ่นลอยไปหาเฉินกานหวา “ท่านสามารถติดต่อกับพวกเขาผ่านสิ่งนี้”
“ค่อยว่ากันเถอะ” เฉินกานหวาไม่ปฏิเสธ และไม่ถามอีก รับยันต์สองแผ่นนั้นโดยไม่ตอบรับ จากนั้นก็หมุนตัวพุ่งออกไป
ขณะมองเงาหลังที่หายไปของเขา หลิงชิงถาม “ท่านให้เขาหาตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบแก่ท่าน เท่ากับว่าเผยร่องรอย มอบโอกาสสืบค้นเบื้องหลังของท่านแก่เขา นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดหรือ? เบาะแสเกี่ยวกับเทวกษัตริย์น้อยเพียงฝืนรับไว้?”
“เป็นเช่นนี้เอง” เกาหานกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ตอนแรกเขาไม่สนใจในตัวข้านัก หลังจากทราบว่าพระเกตุเป็นร่างแยกของข้า เขาก็สนใจทันที”
ก่อนหน้านี้ไม่ได้ติดต่อกันบ่อยนัก ดังนั้นเฉินกานหวาต่อให้คิดถึงบุคคลลึกลับอย่างเกาหานโดยบังเอิญ ก็ไม่จดจำใส่ใจ
แต่เขาเคยติดต่อกับกษัตริย์เร้นลับไม่น้อย
หลังจากที่ทราบว่าราชันพระเกตุหยางเซ่อเป็นร่างแยกร่างหนึ่งของเกาหาน เฉินกานหวาก็คิดถึงตัวเกาหานจริงๆ
เขาครอบครองคัมภีร์เกิดนภา แต่ระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเกาหานกับเขาแตกต่างกันมาก เกาหานยังมีความสามารถเร้นลับมากมาย ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มก้อนปริศนาในสายตาของเฉินกานหวา
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขายิ่งสนใจ
“เคยได้ยินมานาน แต่ได้ยินชื่อมิสู้ได้พบหน้าจริงๆ” หลิงชิงว่า “มิน่าท่านถึงคบหากับเขาได้”
เกาหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หายากที่ท่านกล่าวดีๆ กับข้า ถึงกับเพื่อเรื่องแบบนี้”
“เขาสมควรสามารถท้าภัยพิบัติสัจพิศวงได้ในเร็ววันกระมัง?” หลิงชิงถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“อืม ในระดับเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่วของเขาสามควรเหลือแค่ด่านเดียว ดูท่าทางจะปลอดภัยแล้ว” เกาหานพยักหน้าตอบ
ร่างแยกอย่างหยางเซ่อราชันพระเกตุเคยซุ่มอยู่บนโลกซ้อนโลก น้อยครั้งจะออกมา แม้ดูธรรมดา แต่ไม่ได้ทำให้เวลาเสียเปล่าแม้แต่น้อย
ดูเหมือนเข้าฌานเป็นปรกติ แต่เท่ากับมอบเวลาที่มากพอให้เขาได้วางแผนอย่างสบายใจ
นอกจากจะศึกษาตราสลักของหยกหรูอี้ไตรรัตนะใต้เขาคุนหลุนแล้ว เขาเองก็ทำความเข้าใจคนและเรื่องราวในหลายปีมานี้ของโลกซ้อนโลกจนทะลุปรุโปร่ง
“เขาเองก็เดินบนเส้นทางศึกษากว้างขวางเพื่อสั่งสม สรรพวิชากลับสู่จุดมุ่งหมายเช่นกัน” เกาหานว่า “เพียงแต่ว่าคนผู้นี้ไม่ได้เคร่งกับการร่ำเรียนวรยุทธ์มากนัก ทุกอย่างขึ้นกับอารมณ์ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป ดังนั้นเขาคิดฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวง จำเป็นต้องหลอมรวมสิ่งที่ตนได้ร่ำเรียนมาทั้งหมดก่อนถึงจะกระทำได้”
“ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้สนใจไม่นำพา มาถึงตอนนี้ ก็ต้องก้าวเท้าก้าวนี้แล้ว แน่นอนว่า ไม่จำเป็นต้อมหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมดจนใช้ได้ดั่งใจ แต่อย่างน้อยขอให้มีการเชื่อมต่อกันและกันก็พอ”
เกาหานกวักมือ ออกจากที่นี่พร้อมกับหลิงชิง “แต่ว่าด่านนี้ของเขา ง่ายกว่าตอนฟู่แพรงามข้ามห้าด่าน กับกานหยวนจื่อข้ามสี่ด่านมาก”
ดังนั้นหากแก้ไขด่านยากได้ ก็หมายความว่าเตรียมตัวพร้อมพอประมาณแล้ว ไม่มีภัยแฝงที่แสดงออกชัดเจนอีก สามารถทำการสั่งสมสุดท้าย เตรียมท้าสู้กับภัยพิบัติสัจพิศวง
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องฝ่าภัยพิบัติสำเร็จแน่ๆ
ด่านของระดับเซียนจริงแท้ ความจริงหมายถึงในตอนที่ประสานเสียงกับมหามรรคา แล้วได้รับการตอบแทนมา พลังฝึกปรือของตัวเองมีจุดบกพร่อง
สาเหตุที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะการฝึกปรือของตนเองมีปัญหา และอาจเป็นเพราะมรรคายุทธ์มีช่องโหว่ว
นอกจาก ‘ภัยมนุษย์’ ข้างต้นแล้ว ยังอาจมี ‘ภัยฟ้า’ ซึ่งเกิดจากปัจจัยในโลกภายนอก มีสาเหตุมากมาย
ถึงสำเร็จเป็นเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ว แต่ที่ไร้ช่องโหว่วเป็นคน ไม่ใช่มรรคา
พอตอบสนองบนตัวจอมยุทธ์ที่เพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียน ก็เกิดข้อบกพร่องที่คล้ายๆ กันขึ้น
หลังจากเติมเต็มข้อบกพร่องนี้แล้ว ค่อยมีความมั่นใจทะลวงภัยพิบัติสัจพิศวง
ด่านส่วนใหญ่ต่างไปตามแต่ละคน วิธีการผ่านด่านย่อมเหมือนแปดเซียนข้ามทะเลต่างแสดงอิทธิฤทธิ์ของตัวเอง
“ตามคำพูดที่ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋เผยออกมา ตอนนี้ข้าสนใจจริงๆ ว่า เทวกษัตริย์น้อยผู้นี้จะพลิกคลื่นลมได้มากขนาดไหน” เกาหานยิ้มขึ้น กล่าว “เขาไปเขาเบญจคีรีมาแล้ว รู้สึกว่าเรื่องราวยังไม่จบ”
หลิงชิงกล่าวเรียบๆ “นี่ไม่ใช่สมกับความตั้งใจของท่านพอดีหรอกหรือ?”
“แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง” เกาหานดวงตาเลื่อนลอย “ท่านไม่รู้สึกว่ามีสถานที่หนึ่งซึ่งหลายปีมานี้สงบเกินไปหรือ?”
“…นพยมโลก!” สายตาของหลิงชิงพลันเคร่งขรึม
“ถึงส่วนใหญ่เวลาทำอะไรพวกมันมักซ่อนหางไว้ ทุกคนก็ไม่ได้ผ่อนคลายความระวังต่อพวกมัน” เกาหานกล่าวอย่างผ่อนคลาย “แต่ตอนนี้แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจต่างพากันปรากฏตัวขึ้น ต่างฝ่ายต่างสู้กันอย่างดุเดือด พวกมันกลับสงบขนาดนั้น ผิดปกติไปบ้างแล้ว”
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี