“ความกังวลในใจ…” พอฟังคำพูดของสวีเฟย เซี่ยโยวฉานก็เหมือนนึกอะไรได้ “เรื่องของสือจวินกับพี่สะใภ้อวี่เจิน?”
“อืม มาถึงตรงหน้าแล้ว” สวีเฟยนั่งตัวตรง พยักหน้าเบาๆ
เซี่ยโยวฉานยื่นมืออกมากำฝ่ามือใหญ่ของอีกฝ่าย “ทุกคนเตรียมการมาหลายปี จะต้องเปลี่ยนเรื่องร้ายเป็นเรื่องดีได้แน่”
สวีเฟยพลิกมือกำฝ่ามือเรียวยาวของภรรยา “มารร้ายนพยมโลกก็เตรียมตัวมาหลายปีเช่นกัน ผลร้ายผลดีอย่างมากสุดไม่เกินห้าต่อห้า โยวฉาน ข้าสำนึกตัวว่าไม่ใช่คนใจแคบ แต่ตอนนี้กลับค่อนข้างถือสา”
ชายฉจรรก์ที่เหมือนกับภูเขาดวงตาสงบนิ่ง “ถือสาความกระจ้อยร่อยของตัวเอง”
เซี่ยโยวฉานกำมือสามี ในฐานะภรรยา สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดคือสวีเฟยปลอดภัย
แต่ว่านางก็รู้จักสามีของตัวเองดี ทราบว่าอีกฝ่ายคิดอะไรในใจ
เซี่ยโยวฉานเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเช่นกัน “คนเกิดมาในโลก บางเรื่องพึงกระทำบางเรื่องไม่พึงกระทำ เรื่องบางเรื่องไม่อาจฝืน แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องก็สมควรลองดูสักครั้งขณะที่ต้องใช้พลังทั้งหมด ไปตั้งใจกระทำให้ดีขึ้นเล็กน้อยในสถานการณ์ที่ดีที่สุดในความคาดหมายของพวกเรา”
“ข้าลองฝืนดูได้” สวีเฟยยิ้ม “แต่เจ้าอย่าฝืนเลย”
เซี่ยโยวฉานเอียงคอเล็กน้อย “ตามคำพูดก่อนหน้านี้ของท่าน คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ถ้าหากแข็งแกร่งขนาดนั้น ต่อให้ข้าฝืนมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่ไม่เป็นตัวถ่วงท่าน”
สวีเฟยกอดภรรยาในอ้อมอก “ถูกต้อง อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนไม่เพียงแต่เจ้าเท่านั้น แม้แต่ข้าก็ไม่อาจสอดมือเข้าไปตรงๆ ได้”
สายตาของเขาสงบนิ่ง แต่ก็แน่วแน่ “แต่ขอแค่สวีเฟยพยายามได้สักส่วน ไม่ว่าจะออกแรงด้วยวิธีไหน ล้วนไม่อาจผลักไสภาระให้ผู้อื่น”
…
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอบอกลาสวีเฟยแล้ว ก็ไปยังลานบ้านบนเขาที่เอาไว้รับแขกโดยเฉพาะ
พอถึงที่นั่น เขามองเห็นสตรีสองคนนั่งหันหน้าคุยกันในศาลาจากระยะทางไกลๆ คนที่สวมอาภรณ์ขาวย่อมเป็นเฟิงอวิ๋นเซิง อีกคนที่สวมอาภรณ์เขียวเป็นอวี่เยี่ย
“ศิษย์พี่อวี่ สบายดีหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอทักทายด้วยรอยยิ้ม
อวี่เยี่ยหันหน้ามา “ศิษย์น้องเยี่ยน ไม่ได้เจอกันนาน ยังไม่ได้ยินดีกับเจ้าที่ได้เปิดประตูเซียน เลื่อนสู่ระดับเซียน เซียนผู้ถูกเนรเทศกลับคืนสู่สวรรค์ชั้นเก้า”
“ศิษย์พี่อวี่เกรงใจแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเดินมานั่งลง พิจารณาอวี่เยี่ยขึ้นลงแวบหนึ่ง “อืม…ศิษย์พี่อวี่ท่านตัดสินใจซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่แล้ว?”
อวี่เยี่ยพยักหน้า “ถูกต้อง ท่านตากับท่านยาย ยังมีพวกท่านลุงต่างแนะนำให้ข้าทำเช่นนี้”
ขณะนี้อวี่เยี่ยยังคงเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ระดับประมุขในหมู่คน
ครั้งกระโน้นในตำหนักโอสถ ร่างปลอมที่วิญญาณตำหนักเทียนซูใช้โอสถและของวิเศษสร้างขึ้นแบ่งออกมา กลายเป็นแก่นแท้กลิ่นโอสถ ถูกพวกเยี่ยนจ้าวเกอแบ่งใช้ ในนี้ยังมีส่วนของอวี่เยี่ย
ด้วยพรสวรรค์ขีดความสามารถของนาง ถึงผู้ฝึกกระบี่จะพัฒนาลำบาก แต่เมื่อมีแก่นแท้กลิ่นโอสถสร้างรากฐาน จึงประหยัดเวลาสั่งสมได้มหาศาล การลองไปเปิดประตูเซียน ฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนสำเร็จร่างเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่จึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีความเป็นไปได้
อย่างเช่นเนี่ยจิงเสินก็ผลักเปิดประตูเซียนสำเร็จร่างเซียนจริงแท้ต่อจากเยี่ยนตี๋เช่นกัน นับว่าเร็วกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ว่าหลังจากเขาเลื่อนสู่ระดับเซียน ยังคงใช้เวลาสำหรับการฝึกฝนเป็นส่วนใหญ่
ตอนนั้นถึงแก่นแท้กลิ่นโอสถจะถูกคนแบ่งสรรปันส่วน แต่ว่าแต่ละคนก็ได้ไปเป็นจำนวนมหาศาล จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจหลอมเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เนี่ยสิงเสิน และอวี่เยี่ยกลายเป็นเซียนก็ได้รับผลประโยชน์ระยะยาว มอบประโยชน์ให้แก่การฝึกฝนต่อจากนั้นของพวกเขาด้วย
ในเวลาต่อมา ทุกคนต่างไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาตกตะกอนในเรื่องการสั่งสมปราณกำเนิดอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี