จิตที่ยิ่งใหญ่พอปรากฏ ก็แทบเปลี่ยนมิติทั้งหมดกลายเป็นเขตมาร
ถึงพวกผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าจะขัดขวาง ทว่ามีเผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตกสอดมือ กองทัพจากสี่ฝั่งต่อสู้อย่างดุเดือด สะกดและดูเชิงกันเอง มิตรศัตรูยากแยกแยะ ในที่สุดก็ปล่อยจอมมารระดับมหาชาลตนหนึ่งหลุดออกมา
จอมมารนตนนี้ไม่สนใจสถานการณ์ที่วุ่นวายนั้น บัญชามารตนอื่นออกตามหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ตอนนี้มันมาถึงดินแดนพันเกล็ด ปราณมารพวยพุ่ง พลันสร้างการสะกดแก่ดินแดนพันเกล็ด
จอมมารผู้น่ากลัวระดับมหาชาลตนนี้ออกคำสั่ง แสงสีเลือดกะพริบขึ้นในควันมารไร้ขอบเขต มิติฉีกออก จอมมารที่แข็งแกร่งตัวแล้วตัวเล่าปรากฏร่างที่แท้จริง
จอมมารเหล่านี้มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน
มีตัวตนที่เหมือนกับเทพมาร กอปรด้วยสี่เศียรสี่กร บนศีรษะไม่มีตาจมูกปากหรือหู ร่างกายท่อนล่างเหมือนกับหมอกเมฆ ไม่เห็นขาและเท้า
นี่เป็นจอมมารที่เกิดในนพยมโลก ปราณมารที่ชั่วร้ายให้กำเนิดขึ้นมา ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นร่างมนุษย์ มันมีปากงุ้มแหลม ขนเต็มใบหน้า แขนสองข้างยาวเลยเข่า ลักษณะเหมือนวานรยักษ์ ตัวเป็นสีดำสนิท มีเพียงสองตาที่คล้ายบ่อเลือด
กลับเป็นวานรปีศาจตนหนึ่ง หลังจากร่วงหล่นสู่มารเข้าสู่นพยมโลกก็กลายเป็นจอมมาร ยังคงรูปลักษณ์ของวานรยักษ์ แต่ว่ามีปราณมารแข็งแกร่ง เหมือนกับจอมมารที่มีสี่เศียรสี่กรด้านข้าง ไม่มีความแตกต่าง
มีตนหนึ่งร่างเล็ก แต่ว่าความรู้สึกของพลังกลับไม่ด้อยกว่า ลักษณะเหมือนบัณฑิตวัยกลางคนเผ่ามนุษย์ นอกจากหน้าตาที่ค่อนข้างซีดเซียว ในดวงตาปรากฏริ้วเลือด และดูโซมไปบ้างแล้ว หน้าตาของมันก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปมาก
แต่ว่านี่เป็นจอมมารตนหนึ่ง ยอดฝีมือระดับสุดยอดแห่งวิถีมารที่โด่งดังไปทั่วมหาจักรวาลตั้งแต่ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มีชื่อว่าจ้าวสุขสันต์
เดิมเป็นยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่ฝึกฝนวรยุทธ์วิถีมาร เรียกว่าพญามารสุขสันต์ แต่หลังเข้าสู่นพยมโลก ร่วงหล่นเป็นมารโดยสมบูรณ์ก็กลายเป็นมารร้ายที่แท้จริง ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
“การต้อนรับการกลับมาของใต้เท้าน้ำกุ่ยกับใต้เท้าดินโบ่วเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด” จอมมารที่แต่งกายแบบมนุษย์วัยกลางคนผู้นี้กล่าวด้วยความผ่อนคลาย “แต่ว่าถ้าหากนำสตรีนางนั้นกลับไปด้วยได้จะดียิ่งกว่า”
จอมมารที่เหมือนวานรยักษ์ด้านข้างถลึงมองเขา “นางครองอำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม ท่านคิดจะวางแผนเล่นงานนางหรือ”
สำหรับมารร้ายแห่งนพยมโลก ตอนที่เรียกหกสุดยอดมาร จะเติมคำเคารพเช่น ‘ใต้เท้า’ เข้าไปด้วย
ตอนที่พูดถึงหกบรรพมาร จะเรียกว่า ‘มารสวรรค์’
ไม่ใช่ว่าไม่มีความนับถือ แต่นาม ‘มารสวรรค์’ ก็เป็นคำเรียกที่สูงส่งที่สุดอยู่แล้ว มีแต่บรรพมารระดับมรรคาถึงจะใช้ได้
การใช้คำว่า ‘มารสวรรค์’ ของมารร้าย เหมือนกับการพูดถึงพระพุทธเจ้าของศาสนาพุทธ และการพูดถึงบรมครูสามพิสุทธิ์ของสำนักเต๋า
“สตรีนางนี้เดิมขโมยอำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม การดูดพลังนางเป็นแค่การลงโทษเท่านั้น” พญามารสุขสันต์กล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน “หากข้าได้รับความโปรดปราณจากมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมเพราะเหตุนี้ เมื่อนางกลายเป็นร่างสถิตในการจุติของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม นั่นย่อมเป็นเกียรติของข้า”
วานรยักษ์หัวเราะ “เช่นนั้นท่านไปเถอะ ข้าไม่ห้ามแล้ว แต่ท่านลืมไปแล้วหรือว่าใต้เท้ามารจิตเคยบอกว่าตอนนี้นางห่างจากมหาชาลเพียงหนึ่งก้าว ท่านสามารถเอาชนะนางที่ครอบครองอำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมได้หรือ”
“แล้วนางสามารถเอาชนะนพยมโลกทั้งหมดได้หรือไม่ สุดท้ายก็ต้องตกอยู่ในมือพวกเราอยู่ดี” พญามารสุขสันต์หัวเราะ “ข้ายินดีร่วมเสพสุขกับคนอื่นอยู่แล้ว”
จอมมารสี่เศียรสี่กร ไม่มีหน้าตาตนนั้นกล่าวอย่างเย็นชา “จะจัดการสตรีนางนี้อย่างไร ให้มารสวรรค์ไร้พันธนากับพวกใต้เท้าตัดสินใจร่วมกัน ท่านกล้าทำตามใจชอบก็รอความตายเถอะ”
“ต้องจับให้ได้เสียก่อนค่อยว่ากันไม่ใช่หรือ” พญามารสุขสันต์ไม่เครียดไม่โมโห ไม่ลุกลี้ลุกลน สีหน้าผ่อนคลายตั้งแต่ต้นจนจบ
วานรยักษ์แค่นเสียงคำหนึ่ง “ยังพร่ำพิไรอันใดอีก รีบเผด็จศึกเสีย จัดการพวกมัน ต้อนรับใต้เท้าน้ำกุ่ยกลับมา จากนั้นก็ไต่สวนพวกมันว่านำร่างสถิตของใต้เท้าดินโบ่วไปซ่อนไว้ที่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี