คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนฟันทำลายมิติเวลา ความเร็วในการเคลื่อนที่เดิมก็สุดยอดอยู่แล้ว
ถึงเกาชิงเสวียนจะเพิ่งเข้าสู่ระดับเซียนกำเนิดได้ไม่นาน ทว่าเมื่อนางกับร่างแยกประกบกระบี่ ใช้คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนพร้อมกันก็เหมือนรวมเป็นหนึ่ง มีความเร็วสูงกว่าคนเดียว
เดิมทีถ้านางต้องพาคนอื่นไปด้วย อาจจะฉุดให้ความเร็วของตัวเองช้าลง ขณะเดียวกันก็ไม่ส่งผลดีต่อการใช้พิธีถอนทำลายสำนึกมารของสือจวินกับอิ๋งอวี่เจิน แต่ละฝ่ายรบกวนกันเอง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอปรับปรุงนาวาแห่งธารสวรรค์ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทิ้งความสามารถอื่นๆ ที่มีในตอนแรกมากมาย เสริมความแข็งแกร่งเพียงไม่กี่จุด สร้างนาวาเทพที่มีความพิเศษลำหนึ่งขึ้นมา
ยอดฝีมือระดับเซียนขับนาวาลำนี้ หากตั้งใจแล่นอย่างเดียว สามารถกระตุ้นและช่วยเหลือกันและกันกับนาวาเทพได้ ความเร็วโดยรวมถึงขั้นเพิ่มขึ้นชั้นหนึ่ง
เมื่อมีเรือยักษ์นาวาเทพลำนี้ ไม่เพียงแต่สือจวิน สวีเฟย และอิ๋งอวี่เจินเท่านั้น แม้แต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ร่วมทางได้
ประกายกระบี่สีแดงก่ำที่เกิดจากการควบคุมเรือลำนี้ของเกาชิงเสวียนที่เดิมทีประกายกระบี่รวดเร็วอยู่แล้ว ยิ่งเร็วถึงระดับสุดยอด ในยอดฝีมือระดับสุญญตามีผู้ทีเทียบเคียงได้ไม่กี่คน
ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่ในระดับมหาชาลสะกดกันเอง ถอนตัวมาไม่ได้ ความได้เปรียบด้านความเร็วของพวกเยี่ยนจ้าวเกอแสดงให้เห็นจดหมดจด
กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำผ่านสถานที่มากมาย เคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่อง อ้อมผ่านและสลัดหลุดคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่า
ไม่เพียงแต่จอมมารที่ขัดขวางไล่ตาม เสียงสวดมนต์ดังกังวาน เมฆปีศาจกระจายถี่ยิบ แม้แต่ศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจก็ส่งยอดฝีมือมาเข้าร่วม หมายขัดขวางพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ตอนเริ่มต้นต่างเคลื่อนไหวเพราะได้รับข่าว ผลลัพธ์ส่วนใหญ่แต่มองด้วยความหวัง
สาเหตุที่คนจำนวนมาก รวมถึงยอดฝีมือชั้นมหาชาลในระดับเดียวกันกริ่งเกรงเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ มหาเทวะเผ่าปีศาจเป็นเพราะว่าเขามีความเร็วสูงเกินไป สามารถเปลี่ยนที่ต่อสู้ไปทั่วทุกสถานที่ได้ในชั่วพริบตา
ขณะนี้เหล่ายอดฝีมือที่ห้อมล้อมกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำต่างมีความรู้สึกคล้ายกัน ปวดหัวถึงขีดสุด
ขณะไล่ตามหลบหนี เวลาผ่านไปไม่หยุด
พวกเยี่ยนจ้าวเกออาศัยความได้เปรียบด้านความเร็ว ช่วงชิงเวลาและช่องว่าง
เวลาเลื่อนไหลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำพุ่งบิน ก็กำลังดำเนินการผนึกต่อมารดินโบ่วเช่นกัน
เหล่ามารแห่งนพยมโลกซึ่งกำลังไล่ตามและขัดขวาง สัมผัสได้มากพอว่าในเรือบินประกายกระบี่ซึ่งล่องลอยไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงตำแหน่งไม่หยุดลำนั้น จิตมารของมารดินโบ่วบัดเดี๋ยวแข็งแกร่งบัดเดี๋ยวอ่อนแอ
สัญญาณแต่ละอย่างแสดงให้เห็นว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามารดินโบ่วจะเดินตามรอยมารน้ำกุ่ย
นี่ทำให้เหล่าจอมมารโมโหแทบคลั่ง จิตใจเหมือนโดนแผดเผา
ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจและผู้เข้มแข็งศาสนาพุทธไม่ได้รีบร้อนเท่ามารร้ายนพยมโลก
เปรียบกับเหล่าผู้อยู่รอดของสำนักเต๋า การหยุดไม่ให้มารดินโบ่วคืนชีพขึ้นมายังคงเป็นเป้าหมายที่สำคัญเป็นอันดับแรก ทว่าการหยุดพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นความปรารถนาในใจของพวกเขาเช่นกัน
เผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธจึงยากที่จะไม่คลายการสะกดส่วนหนึ่งต่อนพยมโลก ทำให้เหล่ามารเคลื่อนไหวเป็นอิสระได้มากกว่าเดิม
ดังนั้นจึงมีมารร้ายยิ่งมายิ่งมากรวมตัวกัน อาศัยความได้เปรียบจากการทราบตำแหน่งอย่างคราวๆ ของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ จัดวางวงล้อมที่มหึมากว่าเดิมไว้ก่อน
จากนั้นพวกมันก็หุบวง คิดจำกัดมิติเวลาที่กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำเคลื่อนไหวได้ไว้ในอาณาเขตหนึ่ง แล้วขัดขวางสังหาร
แม้ว่าจะถูกประกายกระบี่สีแดงก่ำสลัดทิ้ง ก็ประสานงานกัน เปลี่ยนตำแหน่ง ใช้เวลาที่พวกเดียวกันขัดขวางสำนักเต๋า จัดวางวงล้อมใหม่ เป็นภูติผีติดตาม
เกาชิงเสวียนขับเคลื่อนเรือบินได้ เคลื่อนย้ายมิติ แหวกจักรวาลอีกแห่งหนึ่งอีกครั้ง ทว่าในที่แห่งนี้กลับมีจอมมารคอยอยู่แต่แรก ทั้งมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งตน
ปราณมารยิ่งใหญ่เชื่อมต่อเป็นแผ่นผืน กลายเป็นเขตมาร ชั่วขณะที่ลางเรือนเหมือนนพยมโลกมาอยู่ที่นี่ ผนึกมิติเวลา ปิดตายทิศทางทั้งหมด
ประกายกระบี่สีแดงก่ำเผชิญการผนึกเช่นนี้ ไม่อาจทะลวงออกไปได้
เรือเทพข้างใต้ทุกคนผ่านการปรับปรุงมาก่อน สอดผสานกับความเร็วของเกาชิงเสวียนเป็นอย่างดี แต่ว่าไม่ช่วยในการแสดงความร้ายกาจจากเจตจำนงกระบี่ของนาง
ถ้าหากต้องการแสดงอานุภาพออกมาให้หมด ความเร็วยากจะไม่ลดลง
ขอแค่ช้าลง ศัตรูจะผนึกวงล้อมได้ในทันที ตอนนั้นคิดจะเพิ่มความเร็วขึ้นก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี