เทวราชถลึงตา อรหันต์สยบมาร
วรยุทธ์ศาสนาพุทธที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลาย ในตอนนี้กลับสู้ฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ ถูกกระแทกโซเซถอยหลัง
อานุภาพอันเกรี้ยวกราดทำให้สภาวะของคนอื่นๆ ที่ล้อมวงเข้ามา หายไปในทันที
ขณะมองต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวต้นนั้นลอยอยู่กลางความว่างเปล่าของจักรวาล แล้วค่อยๆ ห่างออกไปไกลจนไม่เห็น เหล่าจอมมารร้อนรนเหมือนจิตใจโดนแผดเผา
กลิ่นอายของมารดินโบ่วกับพญามารจงหยวนยิ่งมายิ่งอ่อนแอ ขาดอีกแค่ก้าวเดียว พวกมันก็จะถูกผนึกสำเร็จ
นี่ทำให้เหล่ามารได้แต่มองดู ไม่อาจใช้สำนึกมารที่บ้าคลั่งกำหนดตำแหน่งของพวกสือจวินได้อีก
ถึงจะหลุดออกจากการครอบคลุมของแสงสารีริกธาตุของยุทธวิชัยพุทธะแล้ว ทว่าถ้าตอนนี้มารจิตแรกเริ่มไม่มาด้วยตัวเอง ก็ยากจะอาศัยสภาวะสร้างผลกระทบต่อพวกสวีเฟย สือจวิน และอิ๋งอวี่เจิน
เหล่ามารหมายทำลายแนวป้องกันสุดท้ายนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ เพื่อไล่ตามพวกสือจวินไป
ทว่าเผ่าปีศาจกับยอดฝีมือศาสนาพุทธมีความคิดต่างกันเล็กน้อย ถึงแผนการของพวกเขาจะเป็นการกำจัดสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินที่เป็นร่างสถิตของจอมมาร ไม่ว่าพวกเขาจะกลายเป็นมารหรือไม่ตาม เพื่อจัดการเภทภัยที่จะตามมาอย่างเด็ดขาด
กระนั้นตอนนี้พอเห็นมารถูกผนึกไปแล้ว ความคิดสังหารพวกสือจวินสุดท้ายก็ไม่ได้เร่งด่วนเหมือนเดิมอีก
ถ้าหากว่าพวกสือจวินอยู่ตรงหน้า ย่อมต้องลงมือไม่มีการปรึกษา แต่ขณะนี้พวกสือจวินค่อยๆ สูญเสียร่องรอย ยอดฝีมือของเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธยากจะไม่เกิดความคิดส่วนหนึ่ง
เป็นเพราะตรงหน้าพวกเขายังมีเป้าหมายอยู่
เยี่ยนจ้าวเกอกับตำหนักโอสถ!
ตำหนักโอสถตกอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอมาหลายปี แค่ใช้หัวเข่าคิดก็ทายออกว่ากลิ่นโอสถกับโอสถสำเร็จรูปที่เก็บอยู่ด้านในจะต้องเหลือไม่มากเท่าไรอย่างแน่นอน
ทว่าตำหนักโอสถยังคงมีคุณค่าเหนือธรรมดา ไม่เอ่ยถึงอย่างอื่น แค่การเปิดเตาหลอมโอสถได้ ก็มีข้อได้เปรียบและประโยชน์นับไม่ถ้วนแล้ว มากพอจะทำให้ยอดฝีมือระดับสุญญตาหวั่นไหว
สำหรับเหล่าบรรพชิตจากศาสนาพุทธ ยุทธวิชัยพุทธะคิดจะสะกดและจับกุมเฟิงอวิ๋นเซิงจากไปก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
เพราะฉะนั้น นักบวชจากศาสนาพุทธและยอดฝีมือเผ่าปีศาจส่วนหนึ่ง จึงเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ตัวเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอไร้ความเกรงกลัว กวาดกระบี่กระแทกฝ่ามือ ใช้หนึ่งสู้สี่ทิศ
มังกรร้องพยัคฆ์คำราม เขาถึงขั้นเข่นฆ่าออกจากวงล้อม ไล่ตามขัดขวางจอมมารที่คิดตามหาพวกสือจวินกับสวีเฟยเหล่านั้นดุจสายฟ้าแลบ
อีกฝ่ายมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เลอะเลือน ทิ่มนิ้วใส่อากาศ ใช้วิชาหนึ่งปราณสามพิสุทธิ์ของดัชนีเทพปฐมกำเนิด ร่างแปลงที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับตัวเองสามร่างกระโดดออกมาทันที
ถึงจะมีการแบ่งเป็นแข็งแกร่งอ่อนแอ ทว่าขณะเยี่ยนจ้าวเกอสี่คนผนึกกำลังเคียงบ่าเคียงไหล่พุ่งไปด้านหน้า กลับมีสภาวะเหมือนพันทหารหมื่นอาชา
ทั้งสี่เคลื่อนไหวเหมือนกัน ต่างใช้หมัดแปลงกำเนิด
หมัดเหล็กกล้าที่เหมือนยึดครองมิติและช่องว่างทั้งหมด ม้วนพัดใส่ทุกฝ่าย แม้ว่ายอดฝีมือระดับเซียนลี้ลับจำนวนมากจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็ถูกกดดันให้หยุดลง
พอเห็นต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวต้นนั้นหายไปโดยสมบูรณ์ เหล่ามารก็คลุ้มคลั่ง เดือดดาลจนร้องตะโกนขึ้น
ทว่าก็ได้สะกิดโทสะของพญามารระดับสุญญตาด้วย
ศัตรูสามฝ่ายร่วมมือกัน มีคนมากกว่า พวกเยี่ยนตี๋ เกาชิงเสวียน หลิงชิงก็ไม่อาจป้องกันได้ทั่วถึง หลายๆ ครั้งที่สู้กันอย่างดุเดือดก็มักมีปลาที่ลอดแหมา
พญามารที่เหมือนกับควันบางสายนั้นมีความเร็วสูงสุดขีด ไม่ด้อยกว่าฝูลัวจื่อที่เป็นเผ่าเผิงยักษ์ปีกทองเลย
เกาชิงเสวียนที่มีความเร็วมากที่สุดของฝ่ายสำนักเต๋า ขณะที่คอยระวังฝูลัวจื่อก็ยากจะจัดพญามารควันสายันณ์ตนนั้น
หลังจากพุ่งไปมา พญามารควันสายันณ์ก็คว้าโอกาสไว้ได้ ทำลายแนวป้องกันของยอดฝีมือสำนักเต๋า ก่อนจะเข่นฆ่าเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี