แสงสีดำส่องระยิบระยับ ทำให้คนเกิดความรู้สึกเย็นเยียบสิ้นหวังอย่างไม่อาจควบคุม
ชีวิตเสื่อมโทรม ลมปราณพังทลาย ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ถึงขั้นที่แม้แต่ความนึกคิดก็กำลังจะหยุดชะงัก เหมือนกับว่าเปลี่ยนจากเป็นสู่ตาย ก้าวเข้าสู่ปรโลกที่เงียบสงัดพร้อมกัน
กระบี่โบราณเล่มหนึ่งลอยนิ่งอยู่ในแสงสีดำ
เป็นกระบี่ผนึกเซียน…กระบี่สังหารเล่มแรกของฟ้าดิน
นี่ไม่ใช่เจตจำนงกระบี่ที่เกิดจากการฝึกฝนวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์อย่างคัมภีร์ผนึกเซียนของจอมยุทธ์ และไม่ใช่ประกายกระบี่ผนึกรวมกลายเป็นสสาร แต่ว่าเป็นอาวุธสังหารและของล้ำค่าแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ที่แท้จริง!
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนซึ่งสั่นสะท้านโลกในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น นอกจากค่ายกลแล้ว เทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ได้ทิ้งกระบี่วิเศษสี่เล่มเอาไว้ เป็นของวิเศษสำหรับกางค่ายกล
กระบี่โบราณที่ลอยอยู่ในแสงสีดำนั้น ถึงกับเป็นหนึ่งในสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่เอาไว้กางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน กระบี่ผนึกเซียน!
ถึงฝุ่นจะขึ้นจับมาหายปี แต่วันนี้ได้เปิดคม เห็นฟ้าเห็นตะวันอีกครั้ง ก็สยบทุกสรรพชีวิตในทันที
ในบรรดาคนที่อยู่รอบๆ ย่อมมีคนที่มีความรู้ หลังจากจำกระบี่ผนึกเซียนได้ก็แตกตื่นสงสัยว่า ‘เจ้าของคนปัจจุบันของกระบี่เล่มนี้ที่แท้เป็นใคร’
ในยุคสถาปนาเทพเกิดสงครามใหญ่ติดต่อกัน สุดท้ายสายเหนือพิสุทธิ์พ่ายแพ้ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนถูกยอดฝีมือระดับมรรคาสี่คนร่วมมือกันทำลาย สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่เอาไว้กางค่ายกลตกไปอยู่ในมือของผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์
ว่ากันว่าเป็นชื่อจิงจื่อยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่สายหยกพิสุทธิ์ได้กระบี่ผนึกเซียนไป ทว่าชื่อจิงจื่อหายตัวไปหลายปี มีข่าวเสียชีวิตในยุคไซอิ๋วโบราณตอนกลาง แต่สุดท้ายแล้วความจริงและที่อยู่ยังเป็นปริศนา
พอมาถึงยุคสมัยในปัจจุบัน ทั้งยังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ความจริงมากมายก็ถูกกลบฝังในฝุ่นประวัติศาสตร์มากกว่าเดิม
ตอนนี้กระบี่ผนึกเซียนปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไฉนจะไม่ทำให้คนคิดมาก
ถ้าหากชื่อจิงจื่อยังไม่เสียชีวิต นั่นก็เป็นยอดฝีมือประสบการณ์โชกโชนที่บรรลุมรรควิถีในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น เทวกษัตริย์สำนักเต๋า และเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลตัวจริงเสียงจริง
ถ้าหากว่าชื่อจิงจื่อเสียชีวิตไปแล้ว กระบี่ผนึกเซียนตกไปอยู่ในมือของคู่ต่อสู้ เช่นนั้นเจ้าของในตอนนี้ของกระบี่ผนึกเซียนก็สมควรไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา ถึงขั้นอาจแข็งแกร่งกว่าชื่อจิงจื่อ
ไม่ได้มีแค่ฝูหลัวจื่อที่สงสัย พญามารควันสายัณห์ที่รีบร้อนไล่ตามสวีเฟยกับสือจวินก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันเช่นกัน
‘เจ้าของคนก่อนของกระบี่ผนึกเซียนสมควรตายด้วยมือมารสวรรค์ไร้พันธนาถึงจะถูก...’ ควันหลายสายกำลังคำนวณในความว่างเปล่า ‘แต่กระบี่ผนึกเซียนได้เปลี่ยนเจ้าของหรือไม่ เจ้าของใหม่เป็นผู้ใด’
ขณะที่ทุกคนแตกตื่นสงสัย พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็พากันรวมตัวใกล้ๆ แสงสีดำ ปรับธงและกลองรบ ขัดขวางเส้นทางของศัตรู
ทว่าทันใดนั้น บนแสงทองบัวเขียวที่อยู่ไกลออกไปก็มีเสียงสวดมนต์ดังขึ้น
เสียงแปลกประหลาดที่ยากจะทำความเข้าใจกลับทำให้คนที่อยู่รอบๆ เข้าใจความนัย
นั่นเป็นเสียงของยุทธวิชัยพุทธะ “ระดับพลังฝึกปรือของผู้มาไม่มากพอที่จะควบคุมกระบี่เล่มนี้อย่างแท้จริงได้”
พอฟังคำพูดนี้ นอกจากเหล่าบรรพชิตในศาสนาพุทธ มารและปีศาจต่างฮึกเหิมขึ้นเช่นกัน
พวกฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์ยอดฝีมือระดับสุญญตาเวลานี้ตั้งใจสัมผัส ค้นพบว่าเจตจำนงกระบี่อันน่ากลัวที่สั่นสะเทือนจักรวาลตรงหน้า มาจากความพิสดารของกระบี่โบราณเล่มนั้นเป็นส่วนใหญ่
ถึงจะสั่นสะท้านขวัญวิญญาณ แต่ความรู้สึกติดขัดที่เผยออกมาก็แสดงถึงสภาวะแข็งนอกอ่อนใน
กระบี่โบราณแม้นแข็งแกร่ง แฝงคุณสมบัติวิญญาณ แต่ไม่อาจขยับได้เอง การแสดงออกเช่นนี้ไม่ใช่กระบี่ผนึกเซียนอ่อนแอ แต่ไม่มีเจ้าของที่มีพลังมากพอ จึงแสดงความน่าอัศจรรย์ทั้งหมดของกระบี่ออกมาไม่ได้
พอสัมผัสได้ถึงจุดนี้ ยอดฝีมือจากสามฝั่งที่ผนึกกำลังกันก็พลันผ่อนคลายลงหลายส่วน
ทว่าพวกยอดฝีมือเช่นฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์มีปฏิกิริยารวดเร็วถึงขีดสุด พลันลงมือทันที
พวกเขาโจมตีใส่พวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างรวดเร็ว!
เล็งเป้าหมายไปที่เกาชิงเสวียนโดยเฉพาะ!
ถ้าให้เซียนกำเนิดผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ผู้นี้ได้กระบี่ผนึกเซียน แม้จะยังคงไม่อาจแสดงอานุภาพของกระบี่ผนึกเซียนออกมาได้เต็มที่ แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบๆ ลำบากได้
ปีศาจมารซึ่งมีความเร็วสูงที่สุดสองตนอย่างฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์ ตนหนึ่งพุ่งเข้าหากระบี่ผนึกเซียน ตนหนึ่งโถมใส่เกาชิงเสวียน ขวางกั้นสองฝ่ายเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี