เยี่ยนจ้าวเกอมองดูบัวเขียวแสงทองที่ยิ่งใหญ่เรืองรองซึ่งอยู่ไกลออกไปเช่นกัน เฟิงอวิ๋นเซิงยังคงถูกสะกดอยู่ที่นั่น
การมาถึงของเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยทำให้พวกฝูหลัวจื่ออยากจะติดตามพวกสวีเฟยกับสือจวินได้ต่อ ทำให้ความกังวลของเยี่ยนจ้าวเกอหายไป
ตอนนี้เขาย่อมต้องคิดหาวิธีช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงออกมา
“ศิษย์พี่เนี่ย ศิษย์พี่อวี่ พวกท่านในเมื่อได้รับคัมภีร์โกลาหลสูญจากเทวกษัตริย์วิเศษคณานับมา สมควรมีของอย่างอื่นด้วยกระมัง”
เนี่ยจิงเสินพยักหน้า “เป็นสิ่งที่มีแต่ปรมาจารย์ที่แตกฉานในค่ายกลอย่างเจ้าถึงจะใช้ได้เหมาะสม”
“ประเสริฐยิ่ง ทางพวกเรามีคนที่เข้าใจวิชากระบี่เหนือพิสุทธิ์ไม่ต่ำกว่าสี่คน” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเย็นชาคำหนึ่ง
ขณะมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอรวมตัวกับเนี่ยจิงเสินและอวี่เยี่ย ยังมีกระบี่ผนึกเซียน คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็อดเกิดความสิ้นหวังไม่ได้
เมื่อครู่ยอดฝีมือระดับสุญญตาทั้งหลายไม่ได้เลือกปะทะกับกระบี่ผนึกเซียนและอวี่เยี่ยตรงๆ ต่างหลบหลีกเป็นหลัก จึงไม่ได้บาดเจ็บล้มตาย ทว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าชั้นสุญญตาอนาถแล้ว
อวี่เยี่ยครอบครองคัมภีร์โกลาหลสูญ เดิมทีไม่เกรงกลัวศัตรูที่อยู่ต่ำกว่าชั้นสุญญตา พอมีกระบี่ผนึกเซียนอยู่ในมือในสถานการณ์แบบนี้อีก คมกระบี่ชี้ไปที่ใด หากโดนเข้าไปก็ต้องตกตายจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าปีศาจ ศาสนาพุทธ หรือนพยมโลก ต่างถูกสังหารจนโลหิตไหลนองเป็นท้องธาร!
คัมภีร์กระบี่ผนึกเซียนถูกฝุ่นจับมาหนึ่งยุคสมัย พอได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งก็พลันดื่มกินเลือดทันที
ถึงพวกฝูหลัวจื่อและพญามารควันสายัณห์ยอดฝีมือระดับสุญญตาจะหลบหลีกได้ทัน ทว่าความคมกล้าก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น คนอื่นๆ ขวัญกำลังใจล้วนตกลง
สิ่งที่ทำให้จอมปีศาจอย่างฝูหลัวจื่อปวดหัวก็คือ ใกล้ๆ ยังมีผู้ใช้กระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ระดับเซียนกำเนิดคนหนึ่งอย่างเกาชิงเสวียนอยู่ด้วย
หากว่าอวี่เยี่ยมอบกระบี่ผนึกเซียนให้แก่ยายของตัวเอง เกาชิงเสวียนแม้ไม่ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญก็สามารถแสดงพลังของกระบี่ผนึกเซียนได้ในระดับสูง
เมื่อเซียนกำเนิดสายเหนือพิสุทธิ์เช่นนี้มีกระบี่ผนึกเซียนอยู่ในมือ คนคนเดียวก็แทบสามารถท้าสู้กับคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ นอกจากยุทธวิชัยพุทธะได้
เกาชิงเสวียนไม่ใช่รับความสิ้นเปลืองจากกระบี่ผนึกเซียนไม่ได้เหมือนอวี่เยี่ย
ในคนที่อยู่รอบๆ มีแค่ต้องให้ยุทธวิชัยพุทธะลงมือเท่านั้น จึงจะรับมือได้
แต่เป้าหมายอันดับแรกของยุทธวิชัยพุทธะเป็นเฟิงอวิ๋นเซิง ไม่ใช่พวกสือจวินกับอิ๋งอวี่เจิน
พอคิดถึงตรงนี้ ต่อให้ยอดฝีมือที่อยู่รอบๆ จะมีผู้ยิ่งใหญ่ที่ถนัดการเคลื่อนย้ายมิติเวลา และการเหาะเหินเดินหาวอย่างฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์ ก็ไม่มีวิธีไล่ตามพวกสือจวินอีกต่อไป
ศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจยังดี นพมโยกโลกขุ่นแค้น เดือดดาลแทบคลั่ง ก่อนหน้านี้โดนกำจัดมารน้ำกุ่ยไปแล้ว มารอบนี้มารดินโบ่วยากจะคืนชีพ ครั้งนี้พวกมันออกจากนพยมโลกอย่างเหิมเกริม แต่กลับต้องกลับไปมือเปล่า
พวกจอมมารมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ มองดูความว่างเปล่ากว้างใหญ่ที่ไม่เห็นสือจวินสองแม่ลูกด้านหลังพวกเขา ได้แต่คาดหวังว่ารอบนอกจะยังมีมารตนอื่นมาสนับสนุน สามารดำเนินการหยุดยั้งได้
…
ขณะนั้นสวีเฟย สือจวิน อิ๋งอวี่เจินยังคงอยู่ในมิติพิเศษที่มุกผ่าดินสร้างขึ้น ซ่อนตัวอยู่ที่รากของต้นไม้แห้ง ลอยไปในความว่างเปล่าพร้อมกับต้นไม้ที่โรยรา
กระบวนการผนึกมารดินโบ่วและพญามารจงหยวนตนนั้นได้เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว รอจนสำเร็จก็สามารถกำจัดโชคชะตาอันเลวร้ายได้
สือจวินสีหน้าเคร่งขรึมมีสมาธิถึงขีดสุด ใช้วิธีที่เยี่ยนจ้าวเกอถ่ายทอดให้ คอยดึงสำนึกมารของมารดินโบ่วและพญามารจงหยวนออก ทำลายรอยตราที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ในตัวเขาและอิ๋งอวี่เจิน
สวีเฟยประคองมุกผ่าดิน นั่งอยู่ด้านข้างสือจวินสองแม่ลูก จัดวางมุกผ่าดินไว้ตรงกลางของพวกเขา
พวกเขาไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงด้านนอก เพียงตั้งใจรับมือศัตรูตรงหน้า ถึงจะเกิดการหักมุมมากมาย แต่ชัยชนะก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ในตอนนั้นเอง เขาพลันรู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมที่ตนเองอยู่คล้ายสั่นไหวเล็กน้อย ปราณมารที่ชั่วร้ายน่ากลัวเปลี่ยนเป็นเข้มข้นในพริบตา
การคุกคามมาจากโลกภายนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี