ปลายนิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏแสงสว่างสีแดงก่ำ จากนั้นก็ตวัดเลียนแบบลวดลายบนปราการเขตแดนของโลกใบนั้น
ครู่ต่อมาเขาก็ชักนิ้วกลับ “เหมือนกับตราผนึกบางอย่างมากกว่า ดำรงอยู่ด้วยประกายกระบี่ลวงเซียน ตราผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับอาณาเขตของโลกใบนี้ ถ้าหากว่าใช้พลังแหวกออก ผลลัพธ์ยากคิดถึง”
“คิดจะเอากระบี่มา ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สถานการณ์ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะพวกราชันพระศุกร์เป็นอย่างไรกันแน่ ยังมีความหวังหนึ่งในหมื่นหรือไม่” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม “พวกเราหาวิธีเข้าไปดูได้กระมัง”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋กับเกาชิงเสวียน สองคนไม่ได้ปฏิเสธ
ถึงสถานการณ์ตรงหน้าจะมีความแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่ว่าคนที่อยู่รอบๆ ก็ไม่เกรงกลัวจริงๆ
แตกต่างกับพวกเยี่ยนซิงถางที่หายไปในตอนนั้นที่ยังมีพลังฝึกปรือระดับเซียนลี้ลับ อาจติดที่สาเหตุด้านระดับจึงค่อนข้างไม่สะดวก
วันนี้คนที่อยู่ที่นี่ ต่อให้เผชิญเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลแท้จริงคนหนึ่งก็เอาตัวรอดได้
คนมีความสามารถล้วนมีความกล้าหาญ ย่อมมีตัวเลือกมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่ลวงเซียนตรงหน้าก็ไม่เหมือนกับมีเจ้าของ
“เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็หาวิธีเข้าไปชมดูก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
เขากับเฟิงอวิ๋นเซิงมองกัน ไม่ต้องกล่าวมากความ ด้านข้างเฟิงอวิ๋นเซิงเริ่มมีหมอกสีดำผุดขึ้นมาห่อหุ้มร่าง หลอมเข้าไปในความว่างเปล่าอันดำสนิท หายไปไม่เห็นร่องรอย
บนปลายนิ้วของเกาชิงเสวียนมีประกายกระบี่สีแดงก่ำสาดขึ้น แทงเข้าไปในโลกสีแดงก่ำตรงหน้า
ถึงไม่ได้มาจากแหล่งเดียวกัน แต่ว่าเจตจำนงกระบี่ลวงเซียนก็เสริมความมั่นคงแก่โลกตรงหน้า ทำให้มันไม่เปลี่ยนแปลงชั่วคราว
เยี่ยนจ้าวเกอฉวยโอกาสสืบเท้าออกก้าวหนึ่ง ร่างหลอมเข้าไปในแสงสว่างสีแดงก่ำนั้น
พอเข้าไปในแสงสีแดง ภาพของมิติเวลาตรงหน้าพลันเปลี่ยนแปลงแล้ว
ทว่าเป็นเพราะการช่วยเหลือของเกาชิงเสวียน ทำให้มิติเวลาที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ไม่ถึงกับสับสน
ถึงแม้จะเป็นเวลาที่สั้นยิ่ง ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนที่มีการศึกษาคัมภีร์กระบี่ลวงเซียนล้ำลึกก็หาวิธีแทรกซึมผ่านตราผนึกเจออย่างรวดเร็ว
หากเป็นคนที่ไม่มีวิธี ถ้าไม่มีพลังแข็งแกร่งจนใช้พลังทำลายได้ เพียงแค่แตะต้องแสงสีแดง ก็จะถูกส่งไปยังจักรวาลอื่นๆ ที่ไม่ทราบทิศทางทันที
ประกายกระบี่ลวงเซียนกลุ่มนี้ด้านในรักษาความมั่นคงของโลกใบหนึ่ง ด้านนอกกลับเหมือนดวงดาวแรกเริ่มที่ล่องลอยยากจะทำความเข้าใจกลุ่มหนึ่ง ความลี้ลับในนี้ยากจะบรรยายออกมาให้หมดจริงๆ
พอแก้ไขจนได้วิธีมา เยี่ยนจ้าวเกอก็สามารถเคลื่อนไหวอยู่ด้านใน เปลี่ยนมิติเวลาที่สับสนให้กลายเป็นทางผ่านสะพานที่มีรูปร่าง เคลื่อนไหวอยู่ด้านใน
เยี่ยนตี๋อยู่ด้านข้างเขาเพื่อไม่ให้พลัดหลง ถูกส่งไปยังมิติเวลาที่ต่างกัน
เดินไปสักพัก ทุกคนต่างสายตาคมกริบ ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกัน
ในแสงบางๆ ที่เป็นสีแดงเข้มตรงหน้า ถึงกับมีประกายกระบี่หลายสายตัดกัน กลายเป็นตราอาคม ดึงมิติเวลาที่เหมือนเป็นสีแดงก่ำรอบๆ ไว้ด้วยกัน
ประกายกระบี่นี้ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกเกิดความคาดหวัง
เป็นเพราะเจตจำนงกระบี่ที่แฝงอยู่ด้านใน ใกล้เคียงกับดาบกฎเกณฑ์ของเยี่ยนตี๋ ถึงขั้นที่ทำให้คนรู้สึกว่าแนบชิดกันยิ่งกว่าการผสานกระบี่คู่ของเกาชิงเสวียนร่างจริงกับร่างแยกเสียอีก
“เพียงขาดการหล่อเลี้ยงจากเมฆแปลงกำเนิด ขาดความบริสุทธิ์ไร้สิ่งใดเจือปนสุดท้าย” เยี่ยนตี๋ที่มีสิทธิ์พูดมากที่สุดกล่าวอย่างแช่มช้า “ตามปกติแล้ว สองคนเมื่อผนึกกำลัง ไม่อาจทำถึงขั้นนี้”
วาจานี้ยังกล่าวไม่จบ เขาก็ปิดปากไม่พูดอะไรอีก เดินไปเบื้องหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอเงียบงันลงเช่นกัน
ร่างสองร่าง สุดท้ายแล้วไม่ใช่ร่างเดียวกัน ต่อให้สอดประสานกันได้ขนาดไหน ใช้ออกได้ดั่งใจยิ่งกว่าการออกกระบี่ ก็ไม่อาจเทียบกับร่างเดียวที่แท้จริงได้
ดังนั้นตามปกติแล้ว คนสองคนเมื่อผนึกกำลังไม่อาจทำถึงขั้นนี้ได้ ต่อให้เกาชิงเสวียนร่างจริงกับร่างแยกมีความคิดเดียวกันก็เป็นเช่นนี้
ภาพตรงหน้าจึงไม่อาจสร้างขึ้นในสถานการณ์ปกติแล้ว…
ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเขา สามารถแยกแยะออกว่าจุดที่ปราณวิญญาณรวมตัวมีร่องรอยการรวมตัวของผู้คน และการปรับปรุงสภาพเส้นสายปราณวิญญาณในท้องที่
พ่อลูกเหาะเหินตลอดทาง ไม่ทันไรก็เข้าใกล้สถานที่หนึ่ง
มองไปไกล ระหว่าขุนเขามียอดเขาลูกหนึ่งพ้นออกมาช่วงหนึ่ง สูงใหญ่ตั้งตระหง่าน เหมือนกระบี่ชี้สู่ฟากฟ้า
เจตจำนงกระบี่อันเย็นเยียบแผ่พุ่งออกมา สภาวะยิ่งใหญ่
เยี่ยนจ้าวเกอเพียงมองสักพักก็รู้ว่าเป็นอะไร
การสืบทอดจริงแท้ในมรรคากระบี่แห่งสายหยกพิสุทธิ์!
หนำซ้ำยังไม่ใช่สำนักอื่นใด เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของอวี้ติ่งจินหยิน
เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของตัวเอง แต่ว่าเข้าใกล้อย่างผ่าเผย
ห่างออกไปไกล อีกฝ่ายสัมผัสได้ พลันมีประกายกระบี่หลายสายสว่างขึ้น เข้าใกล้พวกเยี่ยนจ้าวเกอ
หลังจากประกายกระบี่เข้าใกล้ก็ไม่ได้ผลีผลามจู่โจม แต่หยุดนิ่งตรงหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ผู้นำหน้าเป็นชายชราที่สวมเสื้อคลุมนักพรตคนหนึ่ง ปราณกระบี่ทั่วร่างน่าเกรงขาม ปราณเที่ยงตรง ปราณเปลี่ยนแปลง ปราณพิสุทธิ์ ปราณสว่างสี่ปราณรวมเป็นวายุ พลังฝึกปรืออยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง
ชายชรากวาดมองซ้ายขวา ก่อนจะคำนับ “ข้าชิงจาง ไม่ทราบสหายร่วมเส้นทางสองท่านเรียกหาว่าอะไร”
เยี่ยนตี๋ตอบอย่างสงบนิ่ง “คารวะสหายร่วมเส้นทางชิงจาง ผู้น้อยเยี่ยนตี๋ นี่คือเยี่ยนจ้าวเกอบุตรของข้า”
พอฟังชื่อเยี่ยนตี๋ คนที่อยู่ด้านหลังนักพรตชิงจางสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
“เยี่ยนตี๋…” นักพรตชิงจางทวนชื่อนี้เที่ยวหนึ่ง พิจารณาเยี่ยนตี๋ขึ้นลง เอ่ยถาม “ท่านมาจากด้านนอกโลกน้ำพุหยกของพวกเราหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี