“หากชมตัวเองอย่างหน้าด้าน ข้ากับบิดาจปัจจุบันถึงจะยังเป็นเซียนลี้ลับ แต่ว่าเซียนกำเนิดส่วนใหญ่ในโลกล้วนทำอะไรพวกเราไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “นักพรตชิงจางท่านนับว่าเมื่่อครู่ต่อสู้กับข้าแล้ว สมควรทราบข้อนี้ เช่นนั้นผู้ที่ถูกท่านฝากความหวังเอาไว้ ย่อมไม่ใช่เซียนลี้ลับ”
เขาเงยหน้ามองฟ้า “ถึงกระบี่ลวงเซียนจะแข็งแกร่ง ในนี้ถึงขั้นอาศัยพลังซากสังขารของบูรพาจารย์อวี้ติ่ง ทว่าถึงอย่างไรก็เป็นกระบี่วิเศษไร้เจ้าของ ไม่ใช่บูรพาจารย์อวี้ติ่งยังคงมีชีวิตอยู่ ดังนั้นยากจะสะกดเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลที่แท้จริง กับพระพุทธเจ้าในศาสนาพุทธ มหาเทวะเผ่าปีศาจ ไปจนถึงจอมมารแห่งนพยมโลกก็เหมือนกัน”
“เช่นนี้หมายความว่า ความเป็นไปได้ที่เหลืออยู่มีไม่มากแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอก้มมองพวกนักพรตชิงจาง “เป็นมหาชาลเส้นทางนอกรีตคนหนึ่ง? แดนสุขาวดีบัวขาวหรือว่าโถงเซียน? จริงด้วย พวกท่านรู้จักการดำรงอยู่ของโถงเซียนหรือไม่”
นักพรตชิงจางถูกกระบี่แทงทะลุ ร่างถูกปราณกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอชอนไชไม่หยุด ทำให้เขากระดิกกระเดี้ยไม่ได้
นักพรตจ้าวเจินใบหน้าปรากฏความทอดอาลัย
เหยาอวิ๋นเฉิงแค่นเสียง “ท่านทายออกแล้วจะเป็นไร คิดออกจากโลกน้ำพุหยกจะต้องแก้ตราผนึก ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องเผชิญกับเขา!”
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่พูด เพียงหวังให้เยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูกเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ผู้นั้นอย่างหน้ามืดตามัว ไร้การเตรียมตัว
ในเมื่อตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอทายออกแล้ว พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังต่ออีกต่อไป นักพรตจ้าวเจินพูดอย่างแช่มช้า “โถงเซียน? พวกเราไม่รู้จัก แต่ว่าผู้ที่ถูกกระบี่ลวงเซียนผนึกตราไว้ เป็นพระพุทธเจ้าแดนสุขาวดีองค์หนึ่งจริงๆ!”
“หากบอกว่าเป็นเส้นทางนอกรีต เหอะ ถึงแม้หลักคัมภีร์จะเปลี่ยนแปลง แต่ว่าท่านก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธที่เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงบนแดนอภิรดีศูนย์กลาง ไหนเลยนับเป็นเส้นทางนอกรีตได้”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ไม่ได้มีเจตนาเยาะเย้ย เพียงแค่สะท้อนใจอยู่บ้าง “ข้าจึงบอกว่ามีเรื่องราวบางอย่างที่พวกท่านทำความเข้าใจไม่ได้จริงๆ”
ถูกผนึกอยู่ที่นี่มาสองพันปี ไม่เคยสัมผัสกับโถงเซียน หรือเป็นเพราะความบังเอิญ
เรื่องเกี่ยวกับการปรากฏขึ้นอีกครั้งของแดนสุขาวดีตะวันตก ย่อมไม่ทราบแล้ว
บางทีตอนนักพรตอวี้ติ่งมีชีวิตอยู่อาจทราบเรื่องราวส่วนหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ทันบอกต่อคนรุ่นหลังเหล่านี้
เวลานี้เงาร่างของเยี่ยนตี๋ลอยออกมาจากเขาเมฆทอง สีหน้าเย็นเยียบขณะมองพวกจิงชางเต้าหยิน
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาพ่อลูกก็คืออีกด้านหนึ่ง ทิศที่ใกล้กับทางตะวันตกของเขาเมฆทองถึงกับมีประกายกระบี่หลายสายเหาะมา
ผู้มาเป็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี กลับเป็นเซียนลี้ลับสองคน
สตรีมีพลังฝึกปรือสูงกกว่า สี่ปราณรวมเป็นวายุ บุรุษสองปราณรวมเป็นวายุ มองไปเพิ่งฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวงไม่นาน
คนทั้งสองหยุดเท้า ใบหน้าฉายแววสับสน มองดูเยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูกและพวกนักพรตชิงจางด้วยความแตกตื่นสงสัย
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองพวกเขาเช่นกัน พิจารณาอยู่สักพักก็พูดเข้าประเด็นทันที “ข้าชื่อเยี่ยนจ้าวเกอ นี่บิดาข้าเยี่ยนตี๋ ท่านปู่ของข้าชื่อเยี่ยนซิงถาง ท่านย่าชื่อตี๋ชิงเหลียน ไม่ทราบว่าสองท่านเรียกหาว่าอะไร”
เขาสัมผัสผ่านปฏิกิริยาของอีกฝ่ายได้ ว่าสองคนนี้คล้ายเป็นพวกเดียวกันกับนักพรตชิงจาง
ที่มาถึงที่นี่ คล้ายหลังจากถูกการเซ่นสรวงเลือดของเขาเมฆทองรบกวน ค่อยรุดมาตรวจสอบสถานการณ์
ทว่าพวกเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นคนในโลกน้ำพุหยกใบนี้
หนำซ้ำดูจากสภาวะการเหาะเหินของประกายกระบี่เมื่อครู่ พวกเขาเดิมทีเป็นกระบี่จริงแท้สายหยกพิสุทธิ์เก้ากระบวนท่า ซึ่งเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของอวี้ติ่งจินหยิน เพียงแต่ว่าแตกต่างกับสิ่งที่นักพรตชิงจางร่ำเรียน
ดูเหมือนจะเป็นผู้รับสืบทอดของอวี้ติ่งจินหยินเหมือนกัน แต่แม้นต้นกำเนิดเดียวกันหากต่างสำนัก แตกกิ่งก้านสาขา พัฒนาไปคนละทาง
สองคนนั้นได้ยินชื่อของเยี่ยนซิงถางและตี๋ชิงเหลียนต่างตกตะลึง
พวกเขาสงบจิตใจ คำนับเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ แนะนำตัวเอง
“ขอคำนับสองท่าน ผู้น้อยถงซินหลิน ถ้ำศิลานิ่ง เขายามเหมันต์” สตรีว่า
“ข้ากว่างทงจื่อ หุบเขาวายุอัคคี เขาเขียวขจี” บุรุษบอก
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋คำนับตอบ ถงซินหลินกับกว่างทงจื่อมองพวกนักพรตชิงจางด้วยสีหน้าซับซ้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี