“เมื่อครู่ข้าสัมผัสมารสวรรค์ไร้พันธนาได้เลือนราง”
ในตาขวาของเฟิงอวิ๋นเซิงมีเสียงของเฟิงอวิ๋นเซิงดังมา
“เทวกษัตริย์และพระศรีอาริย์ปัจจุบันยังพัวพันไม่เลิกราเพราะเศษศิลามนุษย์กำเนิดชิ้นนั้น สมควรถอนตัวมาไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “แต่ว่าอมิตาภพุทธเจ้ากับใต้เท้ากษัตริย์บูรพายังคงอาจแบ่งความสนใจมาทางด้านพวกเราได้ อวิ๋นเซิงเจ้าขึ้นสู่มหาชาล ยากจะไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา”
ดังนั้นพอพวกอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ ปีศาจลมเหลือง เซียนหัวมังกรพากันถอยหลัง พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ไล่ติดตาม แต่ว่าเก็บร่าง
สำนักเต๋าสายหลักให้กำเนิดเซียนสวรรค์มหาชาลคนใหม่ ดึงดูดความสนใจของแต่ละฝ่ายไม่มากก็น้อย
เทียบกับการปรากฏขึ้นอย่างน่าตกตะลึงของสั่วหมิงจางในตอนนั้น เฟิงอวิ๋นเซิงมีสถานการณ์พิเศษเล็กน้อย
สุดท้ายแล้วนางนับว่าเป็นเซียนสวรรค์มหาชาลที่การสืบทอดสามพิสุทธิ์สร้างขึ้นหรือไม่ ยังต้องติดเครื่องหมายคำถามไว้
ร่องรอยนพยมโลกบนตัวนางยังคงอยู่
เรื่องราวเกี่ยวพันถึงมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมบรรพมารตนที่หก ผู้เป็นสัญลักษณ์ของจุดจบในวันสิ้นโลก ชนชาวโลกล้วนทราบดี
มารสวรรค์ไร้พันธนาบรรพมารตนที่ห้าตื่นตัว ก็เพราะสาเหตุนี้
“แต่ว่าเที่ยวนี้อาจเป็นมารสวรรค์ไร้พันธนาช่วยเหลือพวกเรา เพียงแต่ว่ามันยังสงบใจไม่ได้ เพื่อนพยมโลกของมัน” เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกายเล็กน้อย กล่าวอย่างใคร่ครวญ
เสียงของเฟิงอวิ๋นเซิงในดวงตาของเขาเงียบลงไป
สายตาของสวีเฟยกับเกาชิงเสวียนมองมา เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ปัจจุบันยังไม่เห็นทางหมากของอีกฝ่าย แต่ว่าทุกคนสมควรกำลังอยู่ในขั้นวางตัวเบี้ย”
เขานวดขมับของตัวเองเบาๆ “ดูจากตอนนี้ เรื่องของเจี่ยนซุ่นหวาในตอนนั้น เดิมทีเป็นการเดินหมากของสองฝ่าย ใครชนะใครแพ้ล้วนเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง”
“ข้าไม่แพ้แน่” เสียงของเฟิงอวิ๋นเซิงในที่สุดก็ดังขึ้น สงบนิ่งราบเรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ใช้นิ้วทำเป็นนวดตาขวา
“ว่ากันว่าจอมมารไร้พันธนาไม่เคยปรากฏขึ้นมาหลายปี ในที่สุดวันนี้ก็โผล่ออกมาแล้ว” สวีเฟยกล่าวอย่างแช่มช้า “เหล่าเจ้ามรรคาต่างมีการเคลื่อนไหว ฟังว่าที่แล้วมาอมิตาภพุทธเจ้าสงบนิ่งไม่เแก่งแย่ง ตอนนี้ดูเหมือนจะมิใช่เช่นนั้นแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “ยุคโบราณตอนกลางแดนอภิรดีศูนย์กลางรุ่งเรือง ดังนั้นอมิตาภพุทธเจ้ากับแดนสุขาวดีตะวันตกจึงไม่มีการเคลื่อนไหวอันใด แต่อย่าลืมว่า สองศาสดาแห่งนิกายตะวันตกในยุคโบราณตอนต้น อมิตาภพุทธเจ้าหรือว่าเจียอิ่นเต้าหยินจึงเป็นศาสดาหลัก ใช้มือเดียวเทศนาสิ่งมีชีวิตบนโลกสามพันใบ จึงค่อยสร้างรากฐานของศาสนาพุทธในภายหลัง”
“ทางเจ้าแม่มีข่าวแล้ว” เกาชิงเสวียนตอนนี้ยิ้มขึ้น กล่าวว่า “ได้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมาแล้ว!”
เยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟยพอฟัง ต่างระบายลมหายใจโล่งอก ปรบมือฉลองให้แก่กัน
“แต่ว่าเทวกษัตริย์กว่างเฉิงแห่งหยกพิสุทธิ์ก็เสียชีวิตไปแล้วจริงๆ” หลังจากดีใจ เกาชิงเสวียนคล้ายนึกอะไรได้ ถอนใจกล่าว “เจ้าแม่เจอซากสังขารของเขาแล้ว อยู่ด้วยกันกับกระบี่”
เยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟยต่างส่ายศีรษะ ความยินดีหายไปจากใบหน้า
ถึงก่อนหน้านี้จะมีการคาดเดาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พอพิสูจน์ความจริงได้ ทำให้คนสะท้อนใจยิ่ง
เทวกษัตริย์กว่างเฉิงที่แล้วมาได้ชื่อเป็นศิษย์เอกแห่งหยกพิสุทธิ์ หนึ่งในลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดศาสดาแห่งหยกพิสุทธิ์
หลังจากยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้นจบลง บรมครูสามพิสุทธิ์หลุดพ้น นอกจากผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์จะครองวังเทพเพียงฝ่ายเดียว กว่างเฉิงจื่อก็ถูกมองว่าเป็นผู้นำแห่งสายหยกพิสุทธิ์
คิดไม่ถึงว่า หลายปีผ่านไป ยังประสบภัยพิบัติ เสียชีวิตตอนเกิดมหาภัยพิบัติ
ยากจะบอกว่าเป็นความแค้นเก่าก่อน เพราะเขาถือกระบี่ลงทัณฑ์เซียน
หลังจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอรวมตัวกับเจ้าแม่อู๋ตัง กระบี่โบราณที่เป็นประกายสีเขียวเล่มหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศในโลกที่มีแต่ประกายกระบี่
ด้านล่างกระบี่ นั่งขัดสมาธิไว้ด้วยร่างกายที่มีสภาวะหนักแน่นร่างหนึ่ง
ถึงแขนจะด้วนไปข้างหนึ่ง ขาดความสมบูรณ์ แต่ยังคงทำให้คนรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามและท่วงท่าตอนยังมีชีวิต
ขณะที่่ทำให้คนรู้สึกเหมือนถูกเขาสูงกดทับ กลับไม่ขาดความคมกล้าอันร้ายกาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี