นันทิเกศวรติ้งกวงคือเซียนติ้งกวงหูยาวในยุคโบราณตอนต้น
หลังจากท่านละทิ้งสายเหนือพิสุทธิ์ เข้ากับนิกายตะวันตก ต่อมาก็กลายเป็นพุทธะแห่งแดนอภิรดีศูนย์กลาง
จนกระทั่งพระศรีอริยเมตไตรยเปลี่ยนแดนอภิรดีศูนย์กลางเป็นแดนสุขาวดีบัวขาว ในความวุ่นวายภายในของศาสนาพุทธ นันทิเกศวรติ้งกวงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตกสู่ระดับสุญญตา
ท่านได้รับบาดเจ็บถึงรากฐาน ยากจะฟื้นกลับมายังสภาพเก่า สุดท้ายเพื่อกลับสู่ระดับมหาชาลอีกครั้ง ได้เข้าสู่แดนสุขาวดีบัวขาว ในที่สุดสำเร็จผลพุทธเส้นทางนอกรีต
ครั้งกระโน้นเป็นท่านรับคำสั่งรักษาธงหกวิญญาณ ภายหลังเก็บซ่อนธงหกวิญญาณหนีไป
ดังนั้นทีปังกรพุทธะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้จึงนึกถึงท่าน
ได้ยินว่าจอมปีศาจอย่างเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ยังคงเรียกแดนสุขาวดีบัวขาวเป็นแดนอภิรดีศูนย์กลาง ทีปังกรพุทธะไม่มีปฏิกิริยาใด เพียงแต่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
ได้ยินคำตอบ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตามคำกล่าวของนันทิเกศวรติ้งกวง ตอนนั้นธงหกวิญญาณอาจถูกวางกลับไว้ที่วังมรกตท่องจริงๆ”
“ขอสหายร่วมเส้นทางติ้งกวงมาช่วยค้นหาสักเที่ยวเถิด” ทีปังกรพุทธะพนมมือพูด
พวกนักบวชศาสนาพุทธอย่างมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ยืนอยู่ด้านหลังท่าน ต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ไม่พูดวาจาไร้สาระ สั่งการณ์ลงไป ให้คนติดต่อนันทิเกศวรติ้งกวงมา
สองฝ่ายยืนอยู่ด้วยกัน บรรยากาศกดดันอยู่บ้าง
อรหันต์แคะหูมรณะ นักบวชศาสนาพุทธสีหน้าล้วนไม่ยินดี
ฝ่ายเผ่าปีศาจ หนอนเก้าเศียรกับจ้าวปีศาจร้อยตาล้วนขบเขี้ยวเคี้้ยวฟัน เซียนหัวมังกรนึกถึงความคับข้องยามเผชิญกับเยี่ยนจ้าวเกอในตอนตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียน รู้สึกอึดอัดเช่นกัน
“ธงหกวิญญาณ กระบี่ลงทัณฑ์เซียนย่อมสำคัญ แต่อันดับแรกต้องจับกากเดนสำนักเต๋าเหลานี้แล้วค่อยว่ากัน” มหาเทวะเก้าเศียรกล่าวอย่างเย็นชา “หลายปีมานี้ความเร็วในการเพิ่มพลังของพวกเขาสูงเกินไปแล้ว”
ทีปังกรพุทธะเอ่ย “สมควรเป็นเช่นนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นหลายปีมานี้พวกเราไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันกลุ้มรุมพวกเขา”
ตอนนี้ทุกคนเพาะความแค้นกันมากกว่าเดิม
แต่ว่าในใจของแต่ละคนกลับกำลังวางแผนอื่น
‘ถ้าไม่ใช่ลู่ยากล่าวเตือน คงถูกโจรหัวโล้นเช่นพวกเจ้าหลอกไปแล้ว’ เผิงท่องเฆหมื่นลี้กล่าวในใจ ‘จะรอดูพวกเจ้าเล่นปาหี่ไปก่อน รอพวกเจ้าต่อสู้กับโถงเซียนและผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์เหล่านั้น พวกเราค่อยเก็บพวกเจ้าพร้อมกัน’
…
หลังจากฝ่าวงล้อมสำเร็จ จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ กับ ‘มารดาแห่งแผ่นดิน’ ล้วนหลบหนีไปในความว่างเปล่า หายไปไม่เห็นอีก
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บกระบี่ลงทัณฑ์เซียน “เอาละ สมควรดำเนินการขั้นต่อไปแล้ว”
“น่าเสียดายเหล่าจวินไม่ได้ชี้แนะตำแหน่งวังมรกตท่อง” เกาหานถอนใจคำหนึ่ง “ไม่อย่านั้นถ้าหากธงหกวิญญาณอยู่ที่วังมรกตท่องจริงๆ พวกเราตามหาเจอก็เป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่ง”
“ธงหกวิญญาณยังอยู่ที่วังมรกตท่องหรือไม่ยังไม่อาจทราบได้ เดี๋ยวไว้พิจารณาไม่ถือว่าสายไป พวกเราจัดการเรื่องตรงหน้าก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
“พวกท่านสองพ่อลูกจัดการได้เต็มที่” เกาหานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าผู้แซ่เกาจะวางทัพลวงที่นี่ต่อ เล่นละครบทสุดท้ายให้เสร็จ จนกระทั่งเวลาน้ำลดหินโผล่”
“รบกวนพี่ร่วมเส้นทางเกาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “จากนี้ถ้าหากพี่ร่วมเส้นทางเกาตามทัน สะดวกก็มาเข้าร่วมเรื่องสนุกสนานเรื่องสุดท้าย เรื่องราวเกี่ยวพันกับอนาคตสำนักเต๋าเรา แพ้ชนะอยู่ที่การเคลื่อนไหวครั้งนี้”
เกาหานพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นไปตามคำพูดของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยน ถ้าตามทัน ข้าผู้แซ่เกาจะกระทำอย่างเต็มที่ เพียงแต่ข้าไม่ได้รวดเร็วเท่าเซียนสวรรค์มหาชาล ยังหวังว่าไม่ถึงกับคลาดไป”
“เช่นนั้นพวกเราลากันเท่านี้ พี่ร่วมเส้นทางเการักษาตัวด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋กลายเป็นแสงรุ้ง หายไปในส่วนลึกของจักรวาล
เกาหานใช้สายตาส่งพวกเขาจากไป พึมพำกับตัวเอง “ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจะปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้งจริงๆ หรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูกหลังจากบอกลาเกาหาน ก็เริ่มซ่อนร่องรอยของตัวเอง ก่อนจะไปรวมตัวกับพวกสวีเฟยและเกาชิงเสวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี