“สร้างเส้นทางของตัวเอง คลำทางเพียงคนเดียว เลื่อนสู่ชั้นมหาชาลแค่ร้อยกว่าปีก็มีความสามารถขนาดนี้ ไม่ทราบว่าหากให้เวลาโยมอีก จะเกิดเหตุการณ์อย่างไร?” ทีปังกรพุทธะมองสั่วหมิงจางที่ปะทะกับมุกค้ำทะเลถอนใจกล่าวว่า “ยามมองดูโยม ก็นึกถึงซุนหงอคงกับหยางเจี่ยนในตอนนั้น”
มุกค้ำทะเลยี่สิบสี่เม็ดกลับมาสู่ด้านข้างท่าน เหมือนกับธรรมบาลยี่สิบสี่องค์ถมเต็มความว่างเปล่า
รอหลังจากทีปังกรพุทธะเก็บอานุภาพของมันชั่วคราว ธารเงินทอดไกลก็ไหลเวียนได้ราบรื่นขึ้นเล็กน้อย
สั่วหมิงจางพิจารณามุกค้ำทะเลด้านข้างทีปังกรพุทธะอย่างสนอกสนใจ สายตาไม่เพียงไม่มีความคิดถอยหนี กลับต้องการทดลอง
พุทธะผู้เก่าแก่ที่เขาเผชิญกับเก็บไฟตะเกียงในแสงพุทธกลมสมบูรณ์ด้านหลังศีรษะของตน
ไฟตะเกียงสีม่วงกับไฟตะเกียงสีทองล้วนหายไป เหลือเพียงไฟตะเกียงสีเทาใบนั้น
ในไฟตะเกียงไม่ดำไม่ขาว มัวหม่น เหล่าพุทธะปรากฏตัวขึ้น เหมือนกับสรรพสิ่งในสังสารวัฏ
นั่นเป็นหลักการที่ลี้ลับน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าคัมภีร์กระบี่สังสารวัฏที่กระบี่พุทธะและฉวีซูสองศิษย์อาจารย์ฝึกฝน
“สหายร่วมเส้นทางสั่วอย่าเพิ่งลงมือ” ทีปังกรพุทธะกล่าวอย่างราบเรียบ “ตามที่ข้าทราบ สิ่งที่ท่านสนใจคือการฝึกฝนและการค้นหามรรคายุทธ การช่วงชิงระบบมรรคาอยู่รองลงไป”
“สาเหตุที่มีความแค้นเคืองต่อโถงเซียน ความจริงมิใช่เพราะตัวโยม แต่เป็นเพราะอดีตคู่รักของโยมเสียชีวิตด้วยน้ำมือของจอมยุทธ์โถงเซียน ไม่ทราบถูกต้องหรือไม่?”
สั่วหมิงจางมองทีปังกรพุทธะอย่างเย็นชา ไม่กล่าวอันใด
ทีปังกรพุทธะก็ไม่ถือสา ยิ้มอย่างผ่อนคลายว่า “ด้านสำนักเต๋า เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดสิ้นแล้ว จักรพรรดิเฟิงตูไม่อยู่อีกแล้ว ไม่มีใครทำลายขีดจำกัดของสังสารวัฏเป็นตาย แดนตะวันตกยังมีอาตมากับกษิติครรภโพธิสัตว์ร่วมมือกัน”
“หากว่ากายมลาย วิญญาณสลาย ประสบภัยพิบัติกลับมาไม่ได้อีก ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว แต่คู่รักของท่านสมควรยังมีซากสังขารเหลืออยู่กระมัง?”
ท่านใช้น้ำเสียบราบเรียบ แต่กลับเหมือนสายฟ้าฟาดสั่นสะเทือนรอบๆ “ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ใช่ว่าไม่มีโอกาส…”
พอกล่าวคำพูดนี้ ไม่ว่าเป็นศัตรูหรือพวกตัวเอง ทุกคนจิตใจเคร่งเครียด เหลือบมองสั่วหมิงจาง
“ผลลัพธ์ของการแลกเปลี่ยนกลับมิใช่เรื่องที่จวินหวงต้องการเห็น” เวลานี้บุรุษผมสั้นกลับตัดบทของทีปังกรพุทธะด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านคิดจะให้ข้ามองดูนางฆ่าตัวตาย เสียชีวิตอีกรอบหรือ?”
พุทธะผู้เก่าแก่ตกสู่ความเงียบงันชั่วขณะ ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยส่ายหน้าถอนใจ “ถูกต้อง ถ้ามิใช่การตัดสินที่แรงกล้าเพียงนี้ ตอนนั้นไม่ถึงกับเสียชีวิต”
สั่วหมิงจางไม่พูดต่ออีก มองทีปังกรพุทธะ เดินเข้าหาเทพธรรมบาลยี่สิบสี่องค์ที่เกิดจากมุกค้ำทะเลภายใต้เปลวเพลิงวนเวียน ร่างยิ่งมายิ่งสูงใหญ่
ขณะที่ทีปังกรพุทธะผลักดันมุกค้ำทะเลรับศึก สายตาองไปยังพระอาจารย์เสวียนตูกับพิณฝูซีที่อยู่ในอกของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจไม่ตั้งใจ “สหายร่วมเส้นทางลู่ยาวางแผน แต่ว่าสุดท้ายพิณฝูซีก็มีเวลาจำกัด”
“…นพยโลกหรือ?” พระอาจารย์เสวียนตูตาเป็นประกาย
ทีปังกรพุทธะแย้มยิ้มไม่ตอบคำ
บนความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดที่ห่างไกล ทอดตัวไร้ขอบเขต เหมือนกับสถานที่คนละแห่งกับโลก มีประตูหยกปานหนึ่งกับบัวขาวดอกหนึ่งสู้กันไม่เลิกรา
อีกด้านหนึ่งไม่ทราบว่าบัวเขียวอกหนึ่งบินมาจาที่ไหน
แทบเป็นในเวลาเดียวกัน ปรากฏระฆังโบราณสำริดใบหนึ่ง ปะทะกับบัวเขียว ไม่ยอมหลีกให้แก่กัน
ขณะกำลังพัวพันกันอยู่ พลันปรากฏคันฉ่องสีดำสนิทบานหนึ่งขึ้น
ในอดีตคันฉ่องสีดำสนิทเคยสู้กับระฆังสำเริดโบราณ
ต่อมาบัวเขียวปรากฏ ร่วมมือกับระฆังสำริดโบราณ กดดันคันฉ่องดำถอยหลัง
แต่ว่าปัจจุบัน จุดยืนของแต่ละฝ่ายเปลี่ยนแปลงแล้ว
คันฉ่องสีดำสนิทลงมืออีกครั้ง ผนึกแสงกระจกสีขาวบริสุทธิ์ ส่องไปทางระฆังโบราณ
เสียงระฆังโบราณดังขึ้น เสียงระฆังที่ดังและค่อย ไม่มีรูปร่าง กระแทกแสงกระจกสีขาวบริสุทธิ์ออก
กระจกสีดำมิได้ผ่อนคลาย ยังคงต่อสู้กับระฆังโบราณ
ระฆังสำริดโบราณถูกกระจกสีดำขัดขวาง เมื่อเป็นเช่นนี้ กลับมิอาจหันไปสนใจบัวเขียวได้
บัวเขียวล่องลอย พุ่งลงไปด้านล่าง ออกจากดินแดนที่ไร้สิ้นสุดและสูงไกลแห่งนี้ มาถึงความว่างเปล่าอันไพศาลบนโลกมนุษย์!
การต่อสู้ในธารสวรรค์กำลังดุเดือด ลมดำพัดเป็นระลอก ปราณกระบี่พุ่งสู่ฟากฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี