คนจากศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจ เพื่อหลบหลีกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่ขยายตัวขึ้น ต่างหลบหนีด้วยความเร็วสูง
ส่วนพวกมหาเทวะเสมอฟ้า หยางเจี่ยน สั่วหมิงจาง เฟิงอวิ๋นเซิงคู่ต่อสู้ของพวกเขาเมื่อก่อนหน้า ความกริ่งเกรงลดลงไปมาก
ได้เปรียบแล้วจึงไล่ตามศัตรูที่เหลือ เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าในที่สุดนับว่าได้หายใจหายคอ เปลี่ยนจากตั้งรับมาเป็นโจมตีอย่างแข็งแกร่ง พร้อมไล่ตามโจมตีคู่ต่อสู้ก่อนหน้า
ด้วยความจนปัญญา พวกทีปังกรพุทธะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ได้แต่อดกลั้น เสียท่าส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงหมดสิ้นหนทาง
ถึงอย่างไร การหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนม้วนเข้าไปจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ยุทธวิชัยพุทธะหันหน้ากลับมา เห็นบุญกุศลพุทธะอาจารย์ของตนหลังหันมานับถือศาสนาพุทธมรณะด้วยกระบองสารพัดนึกที่คุ้นเคยท่อนนั้น สีหน้าซับซ้อนอย่างไม่อาจควบคุม
“บาปกรรมๆ…” ยุทธวิชัยพุทธะซึ่งที่แล้วมาสงบนิ่ง ยามนี้ในดวงตาปรากฏความเศร้าศร้อยอย่างหาได้ยาก
ขณะมองร่างเงาที่คุ้นเคยของมหาเทวะเสมอฟ้า พุทธะจิตใจสั่นไหว เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เหมือนกับอยู่กันคนละโลก
ขณะนี้ดินแดนสูงไกลไร้สิ้นสุดบนจักรวาล เหมือนปรากฏการเคลื่อนไหวเลือนราง
พวกทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินล้วนมีสีหน้าซึมเซาและเสียดายอยู่บ้าง
การวัดกำลังในชั้นต่ำกว่าระดับมรรคา พวกเขาในที่สุดแล้วก็พ่ายไปหนึ่งกระบวนท่า
ถึงตอนนี้ ยังต้องให้เหล่าเจ้ามรรคาลงมือ
เพียงแต่เมื่อเป็นแบบนี้ ก็เกรงว่าไม่ว่าฝั่งใดก็ยากจะได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์มาครอง
ทีปังกรพุทธะมองรูปยันต์แปดทิศก่อนกำเนิดที่เริ่มสลายไป เสียดายมากกว่าเดิม
นั่นเป็นสายพิณเส้นสุดท้ายขวางทาง ขาดเวลาแค่อีกเล็กน้อย อามิตาภพุทธเจ้าก็จะมาถึงแล้ว
แต่ว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายมากที่สุดก็คือ มหาวิทยราชมยุรีลงมือ ยังคงจัดการสำนักเต๋าไม่ได้
ถึงมารสวรรค์ไร้พันธนาจะลงมือช่วยเหลือต้านทนกษัตริย์บูรพา ก็จำกัดแค่ตรงนี้ ยากจะสนับสนุนมากไปกว่านี้
ทุกคนมองค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แสงหยกจุดสุดท้ายบนปลายกระบี่ของกระบี่สังหารเซียน ซึ่งแขวนลอยอยู่บนคานประตูบนแท่นสูงในค่ายกล ในที่สุดก็สลายกลายเป็นควันเมฆ พร้อมกับที่ค่ายกลทำงานโดยสมบูรณ์
มาถึงตรงนี้ในที่สุดสำนักเต๋าก็หลอมเปลี่ยนรอยตราที่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณทิ้งไว้ในกระบี่สังหารเซียนได้ สามารถนำกระบี่เล่มนี้ไปได้อย่างผ่อนคลาย
ทว่าแม้จะกล่าววาจาเช่นนี้ คิดจะนำกระบี่สังหารเซียนไป หรือนำสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนไป กลับไม่ง่ายดายปานนั้น
ในขณะที่สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนกลับคืนตำแหน่ง มารสวรรค์ไร้พันธนาก็ไม่ขัดขวางกษัตริย์บรูพาไท่อี้อีก มุ่งหน้ากลับนพยมโลก
เรื่องราวต่อจากนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับมันและนพยมโลกอีกแล้ว
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ที่เดิมทีสู้กันไม่ยอมเลิกรา วางมือหยุดการต่อสู้ชั่วคราว
ถึงจะกริ่งเกรงยิ่งกว่าว่าขุมกำลังที่มีเจ้ามรรคาคุ้มครองจะได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไป แต่ถ้าสำนักเต๋าสายหลักยึดครองค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์เพียงผู้เดียว ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหล่าเจ้ามรรคายินดีจะเห็นเช่นกัน
โดยเฉพาะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์
สำนักเต๋าสายหลักทราบว่าความหมายของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มิได้อยู่ที่การคุ้มครองตัวเอง
นี่ถึงอย่างไรก็เป็นค่ายกลสังหาร ไม่ใช่ค่ายกลป้องกัน ไม่อาจปกป้องจักรวาลหรือฟ้าดินสักแห่งได้
กระนั้นไม่ว่าจะเป็นโถงเซียนหรือแดนสุขาวดีบัวขาวก็ล้วนไม่อาจรับได้ หากค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมาถึงอาณาเขตของตัวเอง
นั่นจะเป็นการเข่นฆ่าที่เจ้ามรรคาคนหนึ่งไม่อาจขัดขวาง
กล่าวง่ายๆ ก็คือ ข้าป้องกันท่านตีข้าไม่ไหว ท่านเองก็ป้องกันข้าตีท่านไม่ไหวเช่นกัน
ท่านคนเดียวไม่กลัว แต่ต้องเหลือตัวคนเดียวนับจากนี้แล้ว
ผลลัพธ์คือการทำลายกันและกัน
การดำรงอยู่ที่อยู่เหนือการควบคุมเช่นนี้ ย่อมดึงดูดความรังเกียจของผู้คน
น่านน้ำธารสวรรค์แม้นจะทอดยาว แต่ด้วยการบิดเบี้ยวและทำลายมิติเวลาของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ธารสวรรค์ที่หัวและหางเหยียดออกไปยังปลายทางที่ไกลแสนไกลจนมองไม่เห็น ล้วนถูกม้วนกลับมา ค่อยๆ โดนค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกลืนกิน
ปราณสังหารของค่ายกลพุ่งสู่ฟากฟ้า ทำลายธรรมชาติ
ทว่าขณะนี้ ดินแดนอันสูงไกลไร้สิ้นสุดบนค่ายกล ปรากฏประตูหยกบานหนึ่ง ระฆังโบราณใบหนึ่ง และบัวขาวดอกหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี