‘หยางเจี่ยน...’ มหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ถอนใจเช่นกัน ‘ติดกับสำนักเต๋าสายหลักมาตั้งแต่แรกแล้ว’
พอพบว่ามารดาแห่งแผ่นดินที่ก่อนหน้านี้พูดถึงกันเป็นหยางเจี่ยนแปลงกาย ยอดฝีมือระดับสุดยอดของศาสนาพุทธอย่างทีปังกรพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ก็กระจ่างแจ้ง
ในตอนที่สงครามใหญ่เพิ่งเริ่ม พวกท่านรู้สึกได้ว่า สำนักเต๋าสายหลักมองหลุมพรางของโถงเซียนกับแดนสุขาวดีตะวันตกของพวกตนออกตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่พาดลูกศรไว้บนสาย ไม่อาจไม่ยิง ยิ่งไปกว่านั้นทุกอย่างยังขึ้นอยู่กับพลัง
รอหยางเจี่ยนเผยโฉมร่างจริง ทุกอย่างก็กระจ่างชัด
สำนักเต๋าสายหลักใช้แผนซ้อนแผน รู้อยู่แล้วว่าเป็นหลุมพราง แต่ยังเสี่ยงอันตรายโดยใช้ประโยชน์จากโอกาสที่จะได้กระบี่สังหารเซียนมาเพียงหนึ่งเดียวนี้ สุดท้ายรวบรวมสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนครบ ทำให้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
“หยางเจี่ยนไม่ตาย ยังเปลี่ยนเป็นมารดาแห่งแผ่นดินหลอกพวกเรา เพียงเป็นด้านหนึ่ง” ทีปังกรพุทธะส่ายหน้า “ประเด็นสำคัญก็คือมหาเทวะเสมอฟ้า…”
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ เมื่อเชิญมหาวิทยราชมยุรีให้ลงมือได้ ยังคงเป็นแดนสุขาวดีตะวันตกของพวกท่านมีโอกาสมากกว่า
ต่อให้สำนักเต๋าสายหลักยังคงมีพวกหยางเจี่ยนและสั่วหมิงจาง ทว่าพวกเขาเองก็ต้องเผชิญกับยอดฝีมือคนอื่นเช่นกัน
“แม้จะเสียดาย แต่สุดท้ายทุกสิ่งก็ขึ้นอยู่กับพลังจริงๆ” ทีปังกรพุทธะยิ้มหนักใจอยู่บ้าง “เพียงแต่ว่าเป็นพวกเราสู้ไม่ได้”
ไม่เพียงแต่ลู่ยาเต้าจวินแสดงไพ่ตายครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งมีดบินสังหารเซียน คัมภีร์ตะปูเจ็ดเกาทัณฑ์ และพิณฝูซีชำรุด
ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธอย่างทีปังกรพุทธะก็ทุ่มเทไม่น้อย
ขณะมองตำแหน่งหลังจากที่มหาวิทยราชมยุรีจากไป ทีปังกรพุทธะก็ไม่ได้ลืมว่า ทางแดนสุขาวดีบัวขาวยังมีสารีริกธาตุของพระศรีศากยมุณี
“ไปเถอะ” อารมณ์มากมายหายไปจากดวงตาของพุทธะที่เก่าแก่ กลับคืนสู่ความสงบนิ่ง “เรื่องราวในวันนี้เป็นแค่การเริ่มต้น สถานการณ์ต่อจากนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว”
“นะโมอมิตาพุทธ” พระภิกษุในศาสนาพุทธส่งเสียงสรรเสริญคุณ หายไปในความว่างเปล่าเช่นกัน
…
เทียบกับความกลัดกลุ้มและความจนปัญญาของฝ่ายอื่น ตอนนี้ในวังดุสิตบนสวรรค์หลีเฮิ่น บรรยากาศย่อมแตกต่างเป็นอย่างมาก
เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจโล่งอกยาวๆ
จิตใจที่ตึงเครียดมาโดยตลอด ตั้งแต่ทราบเป็นครั้งแรกเมื่อเกือบห้าสิบปีก่อนว่า กระบี่สังหารเซียนตกอยู่ในมือเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ชั่วขณะนี้ค่อยผ่อนคลายลงแล้ว
คนที่อยู่รอบๆ มีความรู้สึกใกล้เคียงกัน ต่างมีสีหน้ายินดี
ทุกคนหันมองตำหนักในตำหนักใหญ่ในวังดุสิตที่อยู่ ณ ตอนนี้ พากันกล่าวกับพระอาจารย์เสวียนตูว่า “ไม่ทราบว่าจะกราบพบเหล่าจวินได้หรือไม่?”
“ไม่ใช่ไม่ต้อนรับสหายร่วมเส้นทางทุกท่าน ถ้านายผู้เฒ่าใหญ่ไม่มีคำสั่งลงมา ข้าก็ไม่อาจตัดสินใจเองได้” พระอาจารย์เสวียนตูตอบอย่างรู้สึกผิด
หยางเจี่ยนที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยู่ในวังดุสิตมาหลายปี ก็ไม่อาจกราบพบเหล่าจวินได้เช่นกัน”
นางเซียนอวิ๋นเซียวกล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้ายิ่งไม่เคยพบเหล่าจวิน”
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ” ทุกคนเสียดายอยู่บ้าง จากนั้นก็ขอบคุณพวกหยางเจี่ยน นางเซียนอวิ๋นเซียว และพระอาจารย์เสวียนตู “ครั้งนี้โชคดีที่ทุกท่านร่วมแรงรวมใจกัน ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์คงเป็นอีกอย่าง”
คนทั้งสามส่ายหน้า “ล้วนเป็นคนเส้นทางเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจไป เรื่องราวในวันนี้เกี่ยวพันถึงชะตาของสำนักเต๋าเรา ย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย”
“วันนี้ทำสำเร็จแล้ว สถานการณ์ต่อจากนี้จะต่างไปจากเดิมมาก” นางเซียนอวิ๋นเซียวว่า “แต่ว่าพวกเรายังคลายใจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความพยายามหลายปีอาจสูญเปล่า”
ขณะที่พูด นางก็มองไปยังธงหกวิญญาณสีดำสนิคันนั้น
บนหางธงหกเส้นตอนนี้ว่างเปล่า ไม่มีชื่อคนอยู่อีก
ต่อให้เหล่าจวินไม่ลงมือ การดำรงอยู่ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ก็ทำให้สำนักเต๋าสายหลักมีความมั่นใจในการตั้งป้อมสู้กับขุมกำลังอื่นๆ อยู่ระดับหนึ่งอย่างแท้จริง แม้เผชิญกับผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคา ก็สามารถปะทะด้วยได้
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนยังคงอันตรายสู้ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาอย่างพระศรีอริยเมตไตรย อามิตาภพุทธเจ้า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ กษัตริย์บูรพาไท่อี้ มารสวรรค์ไร้พันธนาไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแดนสุขาวดีตะวันตก แดนสุขาวดีบัวขาว โถงเซียน เขาดาราทะเลดวงดาว ไปจนถึงนพยมโลก ยามเผชิญหน้ากับค่ายกลสังหารอันดับหนึ่งแห่งอดีตและปัจจุบันนี้ ล้วนต้องหนังศีรษะชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี