สวรรค์หลีเฮิ่น
วังดุสิต
ขณะมองดูแดนเซียนอันน่าอัศจรรย์แห่งนั้นแต่ไกล คนในค่ายกลลงทัณฑ์เซียนแม้จะไม่เคยมายังที่แห่งนี้ ตอนนี้จิตใจมีชื่อของวังดุสิตโผล่มาโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นในห้วงสมองก็มีชื่ออีกชื่อหนึ่งโผล่มา
ไท่ซ่างเหล่าจวิน(ผู้เฒ่าสูงส่ง)
ในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ประตูหยกกับบัวขาวไม่อาจชิงกระบี่แหนเขียวที่เป็นหางเสือ ไม่อาจขัดขวางไม่ให้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเคลื่อนที่ไปด้านหน้าต่อ
หลังจากมาถึงสวรรค์หลีเฮิ่น ในที่สุดพวกเขาก็ยังออกจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มิได้เข้าไปด้านในพร้อมกับค่ายกลและพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ประตูหยกกับบัวขาวลอยอยู่ด้านนอกฟากฟ้า เห็นค่ายกลลงทัณฑ์เซียนค่อยๆ หายไป แสงสีทองกับหมอกสีเหลืองกระจายตัว กระบี่โบราณสี่เล่มร่วงลง ร่องรอยสูญหาย
ประตูของวังดุสิตที่มองภายนอกดูธรรมดาเปิดออก พวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปด้านในตำหนักโดยมีพระอาจารย์เสวียนตูนำทาง
ขณะนี้ ในสายตาของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ เพียงหวั่นเกรงต่อการดำรงอยู่อย่างหนึ่ง
ด้านข้างเตาโอสถขนาดมหึมาใบหนึ่งด้านในวังดุสิต มีชายชราสวมเสื้อนักพรต กำลังนอนเอียงข้างงีบหลับ เหมือนไม่รู้สึกถึงทุกสิ่งที่บังเกิดในโลกภายนอก
ระฆังโบราณกับบัวเขียวได้รับผลกระทบจากธงหกวิญญาณ ถูกลากถ่วงฝีเท้า หลังเห็นค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเข้าไปในสวรรค์หลีเฮิ่น ก็ไม่ไปต่ออีก หมุนรอบหนึ่ง จากไปทางใครทางมัน แยกกันกลับสู่เขาดาราทะเลดวงดาวและแดนสุขาวดีตะวันตก
ปัทมาสน์สีขาวผละจากประตูหยก กลับแดนสุขาวดีบัวขาวเช่นกัน
ประตูหยกบานนั้นหลังจากเงียบงันชั่วขณะ ก็มิได้ไล่ตามบัวขาว ดำเนินการต่อสู้ที่ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเพราะเศษศิลามนุษย์กำเนิดต่อ
ประตูหยกขาวกลับสู่โถงเซียนเช่นนี้
ในที่สุดสงครามก็ค่อยๆ ปิดม่านลง
ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน พวกลู่ยาเต้าจวิน ทีปังกรพุทธะ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ จิตใจล้วนค่อนข้างหนักอึ้ง
ผลกระทบจากสงครามในวันนี้ต้องล้ำลึกสุดขีด ไม่ว่าจะเป็นแดนสุขาวดีตะวันตกก็ดี หรือเผ่าปีศาจก็ดี ผลลัพธ์ล้วนไม่เป็นตามไปที่คาดหวัง สำหรับแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียน ผลกระทบยิ่งเลวร้ายกว่า
‘ขนาดนี้ยังถูกพวกมันเล่นงานจนได้!’ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ‘ธงหกวิญญาณ ธงหกวิญญาณ…’
มหาเทวะเผ่าปีศาจที่รู้สึกว่าถูกเยาะเย้ยคับข้องใจเป็นอย่างมาก กลับทำอะไรไม่ได้
เหล่าจวินลงมือด้วยตัวเองหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คนอื่นบุกสวรรค์หลีเฮิ่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
ยังไม่เอ่ยถึงว่าพลังของเหล่าจวินเป็นแบบไหน ต่อให้เจ้ามรรคาทั้งหลายร่วมมือกัน ผู้ใดทราบบ้างว่าจะดึงดูดสามพิสุทธิ์สำนักเต๋าที่หลุดพ้นไปแล้วกลับมาหรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น เซียนสวรรค์มหาชาลอย่างเซียนหูยาวติ้งกวงกับนางเซียนอวิ๋นเซียวกราบกรานธงหกวิญญาณ กับผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคากราบกรานธงหกวิญญาณ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นผลลัพธ์สองอย่างเช่นกัน
ระหว่างพวกเจ้ามรรคามิได้อยู่รวมกันเป็นแผ่นเหล็ก ตรงกันข้ามระหว่างกันเกิดความแค้นและการแก่งแยงมากมาย
หากด้านหนึ่งได้รับความเสียหายใหญ่หลวง ผลประโยชน์ที่ได้มาไม่พอจะชดเชย ต่อจากนั้นจะถูกคนอื่นๆ เอาเปรียบทันที
เมื่อจัดการค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมิได้ในทันที ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจไล่ตามเข้าไปในสวรรค์หลีเฮิ่น
โดยเฉพาะการปรากฏขึ้นของธงหกวิญญาณในครั้งนี้ รวมถึงชื่อสามชื่อที่เขียนอยู่ด้านบน ยังทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยมากกว่าเดิม
‘สุดท้ายก็กลายเป็นมอบชุดแต่งงานให้แก่คนอื่น[1] การผงาดขึ้นอีกครั้งของสำนักเต๋าสายหลัก สุดท้ายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดูเหมือนชะตาจะเป็นเช่นนี้’ ลู่ยาเต้าจวินส่ายหน้าพลางถอนใจ
เขากลับไม่คับข้องโมโหแต่อย่างใด
โดยส่วนตัวแล้ว ในวินาทีที่ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนบดขยี้ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งเป็นผุยผง กำหนดความสำเร็จ สงครามในวันนี้ ก็มีผลแพ้ชนะแล้ว
ในสงครามนี้ นอกจากมหาวิทยรามยุรีเกือบแสดงสภาวะกวาดทำลายล้างทุกอย่างในตอนเพิ่งปรากฏตัวขึ้นแล้ว ระหว่างเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธสายหลักแทบไม่มีการกระทบกระทั่งกัน
เพื่อช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนให้เร็วที่สุด พลังของทั้งสองฝ่ายต่างใช้ไปกับการทำลายแนวป้องกันของสำนักเต๋าสายหลัก
ในทางตรงกันข้าม เป็นฝั่งสำนักเต๋าสายหลักฝืนป้องกันการโจมตีของพวกเขาสองฝ่าย อดทนจนกระบี่สังหารเซียนได้รับการหลอมเปลี่ยนสำเร็จ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนถูกกางขึ้นโดยสมบูรณ์
ถึงจะให้เวลาพวกเขามากกว่านี้ ผลแพ้ชนะบางทีก็ยากคิดถึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี