“หุ่นฟาง?” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย “เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ตะปูเจ็ดเกาทัณฑ์?”
เกาเสวี่ยพอพยักหน้า “มิผิด ตามคำพูดของพระอาจารย์เสวียนตูและเจ้าแม่อู๋ตัง เมื่อมีหุ่นฟางนี้ หลังจากใช้วิชาลับ สามารถช่วยเจ้าแม่อู๋ตังให้ฟื้นฟูกลับมาได้เร็ว”
“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งใคร่ครวญ ทางหนึ่งพยักหน้าอย่างแช่มช้า
หลังจากเขาคิดเล็กน้อย ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “การกระทำนี้ของลู่ยาเต้าจวินมีเจตนาขอโทษ แต่เพียงเท่านี้มีน้ำหนักไม่มากพอ คงจะมีวิธีการอื่นชดใช้แก่เจ้าแม่อู๋ตังอีก”
“ลู่ยาเต้าจวินเกิดมาก่อนการเปิดผ่าฟ้า ความเต็มเปี่ยมของการสั่งสมสมบัติผ่านฝ่ายเต๋า พุทธ ปีศาจไม่ต้องสงสัย ในมือบางทีอาจมีของที่เจ้าแม่อู๋ตังสนใจอยู่จริงๆ”
คำว่าสมบัติ ไม่ใช่หมายถึงความสามารถส่วนตัวเท่านั้น
หลายๆ ครั้งแล้ว ความลับที่คนคนหนึ่งไม่ให้คนอื่นทราบ สิ่งของที่เขาต้องการ ยังมีประโยชน์ยิ่งกว่าพลังยุทธ์ส่วนตัวเสียอีก สำคัญคือต้องดูว่าจะใช้อย่างไร
การช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เป็นผลประโยชน์ส่วนรวมของสำนักเต๋าทั้งหมด
เจ้าแม่อู๋ตังได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะลู่ยาเต้าจวิน ถ้าหากว่าต้องการแก้แค้นลู่ยาเต้าจวิน จำเป็นต้องใช้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เรื่องนั้นส่งผลต่อสำนักเต๋าทั้งหมด
ทว่าถ้านางตัดสินใจไม่แก้แค้นลู่ยาเต้าจวิน ยึดถือเป็นเรื่องส่วนตัว เจ้าแม่อู๋ตังก็วางแผนเองก็พอ
ปัจจุบันเกาชิงเสวียนส่งข่าวกลับมาให้คนอื่น เห็นได้ชัดว่าแต้มต่อของลู่ยาเต้าจวินทำเจ้าแม่อู๋ตังหวั่นไหวแล้ว
พวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่คัดค้านเรื่องนี้
“เมื่อมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอยู่ ผู้สืบทอดสำนักเต๋าเช่นพวกเรามิได้มีสภาวะอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ลู่ยาเต้าจวินกับเผ่าปีศาจย่อมหาวิธีรับปรุงความสัมพันธ์กับพวกเรา” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ทว่าก็จำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างระมัดระวัง”
ขณะที่ร่วมมือกัน อาจยังคงหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันไม่ได้ อย่างไรสองฝ่ายมีความต้องการคนละอย่าง ระหว่างกันมีข้อพิพาทและการแข่งขัน
ถ้าหากบอกว่าตอนชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ลู่ยาเต้าจวินเคยทำร้ายเจ้าแม่อู๋ตัง ผู้สืบทอดสำนักเต๋าก็สังหารปีศาจลมเหลืองและเซียนเมฆดำ ทำให้เผ่าปีศาจสูญเสียอย่างหนักเช่นกัน
หนอนเก้าเศียรยิ่งถูกหยางเจี่ยนกับวานรทำลายศีรษะไปสองข้าง บาดเจ็บสาหัสเกือบตาย
เผ่าปีศาจมีเหตุผลให้แก้แค้นยิ่งกว่า
เพียงแต่ว่าพวกเขามีแดนสุขาวดีตะวันตกคู่ต่อสู้อีกคนหนึ่งที่มีความขัดแย้งรุนแรงกว่า ดังนั้นตอนนี้เผชิญกับสำนักเต๋าสายหลัก จึงค่อนข้างสะกดกลั้น
เหตุผลนี้ใช้กับแดนสุขาวดีตะวันตกได้เหมือนกัน
ตอนนี้สภาพแวดล้อมใหญ่เพิ่งเปลี่ยนแปลง ทุกคนจำเป็นต้องปรับตัว รอจนทุกอย่างจัดการเรียบร้อย ก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งและการปะทุของสงครามอย่างแท้จริง
สำหรับผู้สืบทอดสำนักเต๋า ก็ยินดีมีช่วงเวลาปลอดภัยช่วงหนึ่ง ผลักดันการพัฒนาของตัวเอง เตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ใหญ่ต่อจากนี้เช่นกัน
“ประเด็นสำคัญยังอยู่ที่ในหมู่พวกเรา นอกจากเหล่าจวินแล้ว ขอให้มีผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาคนหนึ่งเพิ่มมาโดยเร็วที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “เจ้าแม่อู๋ตังก็เป็นเทวกษัตริย์ผู้โชกโชนที่บรรลุมรรคาวิถีในยุคโบราณตอนต้น นางอยู่ห่างจากระดับมรรคาขนาดไหนหรือ?”
เกาเสวี่ยพอกับหลงเสวี่ยจี้สองพี่น้องส่ายหน้าเล็กน้อย “ตามที่พวกเราทราบ อย่างน้อยตอนนี้ยังยากยืนยันข่าว ต้องดูการพัฒนาในหลายปีต่อจากนี้”
เว้นเล็กน้อย หลงเสวี่ยจี้ก็พูดว่า “ตามคำพูดตอนบูรพาจารย์อาวุโสยังมีชีวิตอยู่ เส้นทางระดับมรรคาของเจ้าแม่อู๋ตังได้เห็นแสงอรุณแล้ว แต่ก็ขัดสะบั้นลงอีก ปัจจุบันเสร้างสิ่งใหม่ เดินอีกเส้นทางหนึ่ง ยากลำบากกว่าเดิม ความหวังก็ล่องลอยกว่าเดิมด้วย”
บูรพาจารย์ที่เขาพูดถึง ย่อมหมายถึงหลี่อิงกษัตริย์เถา ที่ถือกำเนิดขึ้นก่อนมหาภัยพิบัติ และได้เสียชีวิตไปแล้ว
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ มิน่าลู่ยาเต้าจวินสามารถทำนางหวั่นไหวได้” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “กลับไม่ทราบว่าตอนนั้นเป็นใครทำลายเส้นทางแรกของเจ้าแม่อู๋ตัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี