ในมุมมองของสวีเฟย ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเลือกอย่างไร ต่อให้เป็นการรวมกลุ่มของบุปผาสารจำเป็นและบุปผาจิต เขาที่สองบุปผาบนกระหม่อมล้วนสามารถกวาดล้างระดับสุญญตา เป็นเซียนกำเนิดหมายเลขหนึ่งอย่างไร้ความละอาย
ถึงขั้นที่ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอหลอมบุปผาปราณก่อน เขาแค่หนึ่งบุปผาบนกระหม่อม ก็สามารถเย้ยสุญญตาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้แล้ว
ไม่ว่าอย่างไรเยี่ยนจ้าวเกอที่ตอนนี้ยังไม่เริ่มฝึกฝนสามบุปผา เพิ่งก้าวขึ้นสู่สุญญตา ก่อนหน้านี้เพิ่งฆ่าอรหันต์แคะหูที่มีชื่อเสียงมาหลายปี หรือนักบวชศาสนาพุทธที่เทียบได้กับจ้าวสวรรค์เซียนกำเนิดสองบุปผาบนกระหม่อมของสำนักเต๋าคนหนึ่งทิ้งไป
ทว่าสถานการณืในปัจจุบัน เยี่ยนจ้าวเกอมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปด้านนอก คู่ต่อสู้ที่จับตาดูเขา อย่างนอยก็เป็นยอดฝีมือระดับมหาชาลเช่นกัน
หลังจากหลอมบุปผาปราณสำเร็จ พลังจะยกระดับขึ้นอีกขั้น สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้วยังคงมีความจำเป็นยิ่ง
“ทดลองผนึกหลอมบุปผาจิตดูก่อน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางมองไปทางสวีเฟย “ศิษย์พี่สวีท่านคิดจะหลอมสามบุปผาอีครั้ง ความก้าวหน้าเป็นอย่างไร?”
สวีเฟยว่า “มีความสำเร็จน้อยๆ แล้ว แต่ว่ายังต้องพยายาม”
เขา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก รวมถึงพ่านพ่าน ต่างแบ่งรับกายทองมหาเทวะสามร่าง
ขณะที่แสดงกายทองได้รับพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งสุดขีดมา กายทองมหาเทวะก็ส่งผลต่อพวกเขาอย่างต่อเนื่องโดยเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
สองฝ่ายหลอมรวมกัน ขอบเขตของแต่ละฝ่ายยิ่งมายิ่งจาง ทำให้ระดับพลังฝึกปรือของพวกเขาเริ่มพร่าเลือนยากหยั่งคาด
ทว่าถึงอย่างไรก็ไม่ใช่การกรอกศีรษะของมารสวรรค์นพยมโลก
มีเส้นทางที่จำเป็นต้องเดิน ด่านที่ต้องฝ่าบางส่วน ที่สุดยังต้องพึ่งตัวเอง
โดยเฉพาะถ้าไม่ยินยอมหยุดอยู่ในระดับปัจจุบันของกายทองมหาเทวะ และระดับเซียนกำเนิดที่สองบุปผารวมบนกระหม่อม เช่นนั้นย่อมใช้ความพยายามมากมาย ไม่สบายเท่าฝึกฝนเอง
พูดตามความจริง ย่อมเป็นการยึดครองความได้เปรียบยิ่งใหญ่ ได้รับวาสนาใหญ่ยิ่ง
ทว่าวาสนานี้ก็มีจำกัดอยู่ดี คิดจะข้ามขีดจำกัด พัฒนาขึ้นอีกก้าว สิ่งที่ต้องทำมีมากกว่า
“แสดงกายทองมหาเทวะได้ ความกังวลก็หายไปมากมายแล้ว” สวีเฟยว่า “ข้าผนึกหลอมบุปผาสารจำเป็นและบุปผาจิดก็พอ”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าก็มีความคิดคล้ายกันต่อร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเช่นกัน”
หลังแสดงกายทองมหาเทวะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวีเฟย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหรือว่าพ่านพ่าน ต่างเปลืองพลังมหาศาล
การหลอมสามบุปผาอีกครั้ง เมื่อบุปผาสารจำเป็นรวมบนศีรษะ จะมีส่วนช่วยต่อการฟื้นฟูปราณกำเนิดของตัวเองด้วยความเร็วสูงสุดของพวกเขา
กล่าวในระดับหนึ่งถือว่าเท่ากับเปลี่ยนร่างเพิ่มพลังต่อสู้ซึ่งหน้าแล้ว
พวกเขาสามคนมีความพิเศษ แตกต่างจากคนอื่น
“จวินเอ๋อร์ถึงแม้ว่าจะสำเร็จระดับประมุขในหมู่คน แต่ว่ายังอยู่ห่างภัยพิบัติมนุษย์เซียนอีกไกล หวังว่าเขาจะไม่รีบร้อน” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
“นี่ย่อมแน่นอน” สวีเฟยยิ้ม “ปัจจุบันเขามีความมั่นใจที่มั่นคงมากพอต่อตัวเองแล้ว คนก็ยิ่งมายิ่งหนักแน่นเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกออดยิ้มไม่ได้ ตบหน้าผากของตัวเอง “เป็นข้าเองไม่ถูก มักยึดถือเขาเป็นเด็กน้อย”
สวีเฟยเหมือนนึกอะไรได้ กล่าวว่า “จริงด้วย รากฐานของศิษย์น้องซือคงค่อยๆ มั่นคงแล้ว อีกไม่กี่ปีจะทดลองทะลวงภัยพิบัติมนุษย์เซียน แบ่งแยกจิตใจไม่ได้ ไม่นานก่อนหน้านี้ได้ขอออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารถ่ายทอดวิชากับข้า”
ในผู้เข้มแข็งระดับสูงของเขากว่างเฉิง นอกจากหยวนเจิ้งเฟิงที่ก่อนหน้านี้เพิ่งฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนแล้ว ยังมีฟางจุ่น ซือคงจิง เซี่ยกวง กับอิงหลงถูกเตรียมจะทะลวงภัยพิบัติมนุษย์เซียน
“ตัวเลือกที่จะมาแทนเล่า?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
การขอออกจากตำแหน่งด้วยตัวเองเช่นนี้ ในสถานการณ์ทั่วไป ผู้รับตำแหน่งคนก่อนจะแนะนำผู้รัยช่วงต่อเอง
ถึงในสำนักไม่แน่ว่าจะเห็นด้วย ทว่าการใช้ความเห็นคนผู้รับตำแหน่งรุ่นก่อนมาพิจารณา ย่อมมีความสำคัญใหญ่หลวง
ถึงอย่างไรตอนนี้ในเขากว่างเฉิงก็ไม่มีการแยกแยะฝ่ายที่ชัดเจน ด้านในไม่มีการแย่งชิงอำนาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี