เยี่ยนจ้าวเกอกินลูกกลอนเซียนกว่างเฉิงตั้งแต่แรกที่ได้รับมาแล้ว โอสถเม็ดนี้สามารถเสริมความคล่องแคล่วปราณจิตราของจอมยุทธ์ได้ ช่วยให้จอมยุทธ์สัมผัสฟ้าดินได้ง่ายขึ้น
สรรพคุณดูเหมือนจะเรียบง่าย ทว่าที่เหนือกว่าคือประสิทธิผลล้ำเลิศ ต่อให้จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ใช้กิน ก็ล้วนมีประโยชน์อันหาที่สุดไม่ได้ หากเป็นจอมยุทธ์ปรมาจารย์กินเข้าไป ประสิทธิผลยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
ในความเป็นจริงแล้ว จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถย่อยฤทธิ์ลูกกลอนเซียนกว่างเฉิงได้ทั้งหมด ฤทธิ์ยาลูกกลอนจะคงอยู่ในร่างกายจอมยุทธ์ เก็บเล็กผสมน้อย ออกฤทธิ์ยาวนาน ส่งผลประโยชน์ต่อจอมยุทธ์ในการฝึกฝนตลอดเวลา
ในฐานะที่เป็นยาลูกกลอนระดับสูงสุดที่เขากว่างเฉิงมีในปัจจุบัน ต่อให้เป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ก็ยังกล่าวชื่นชมต่อสรรพคุณของมันเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิ ปราณบริสุทธิ์ภายในจุดตันเถียนกระจายออก ร้อนเย็นหมุนเวียนสลับกัน หยินหยางส่งเสริมซึ่งกันและกัน ราวกับเตาฟ้าดินขนาดใหญ่ที่กำลังหลอมฤทธิ์โอสถอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นปราณจิตราในกายของเยี่ยนจ้าวเกอก็นำพาฤทธิ์ยากระจายสู่แต่ละส่วนอย่างไม่หยุดยั้ง จุดลมปราณทั่วร่างเปิดๆ ปิดๆ พลังปราณประหนึ่งมังกรเพลิงและมังกรน้ำแข็งหลายตัวเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
พลังปราณกลายรูปเป็นร่างมังกรอย่างแท้จริง เกล็ดทั่วร่างสั่นไหว เปี่ยมไปด้วยสติปัญญา พลางส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำและยิ่งใหญ่ออกมาเป็นพักๆ
เยี่ยนจ้าวเกอลืมตาทั้งสองขึ้น ในดวงตาข้างขวาพลันมีแสงสายฟ้าสว่างวาบ
เศษชิ้นส่วนของอาวุธศักดิ์ ดวงตาราชันสายฟ้าปรากฏอยู่ในลูกตาดำดวงตาขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ
ดวงตาราชันสายฟ้าส่องประกายระยิบระยับพักหนึ่ง ลำแสงที่ส่องประกายคล้ายกับก่อนสมัยโบราณกาลเริ่มก่อตัว สายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงมา แยกฟ้าดินออกจากกัน
ถึงตอนนี้ทุกสรรพสิ่งค่อยๆ กลายรูป โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลเกิดวิวัฒน์เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
โลกหล้าล้วนเปลี่ยนแปลงไม่เที่ยงแท้ ทุกอย่างกลับตาลปัตร เกิดแม่น้ำแห่งแสงไร้สิ้นสุดโหมกระหน่ำซัด คล้ายชั่วพริบตาและราวกับชั่วนิรันดร์อยู่ในที
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อมโยงกับจิตใจของดวงตาราชันสายฟ้าในชั่วพริบตาเดียว คล้ายกับรู้สึกได้ถึงสภาพการเกิดดับในชั่วพริบตานั้นเช่นกัน
ถึงแม้ว่าอัสนีสวรรค์จะโหดเหี้ยมน่าหวาดกลัว แต่กลับไม่อาจทิ้งร่องรอยเอาไว้ในสมองของเยี่ยนจ้าวเกอแม้แต่นิดเดียว
ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงเบาๆ จากนั้นเปิดเปลือกตาอีกครั้ง
เพียงระยะเวลาพริบตาเดียวนี้ แต่เหมือนกับว่าเวลาผ่านไปแล้วเป็นเวลาร้อยล้านปี
ในเวลานี้เอง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าการเชื่อมโยงของตนเองกับเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าพัฒนาไปอีกขั้นอย่างชัดเจน ถึงขั้นเกิดความรู้สึกที่จิตวิญญาณเชื่องโยงถึงกัน
เขาตะโกนร้องเบาๆ ทั่วกายศีรษะจรดเท้าล้วนปะทุแสงสายฟ้าโหมซัดออกมาพักหนึ่ง ทั้งยังส่งเสียงฟ้าร้องดังออกมาด้วย
ด้านนอกเรือนไม้ไผ่ ท้องฟ้าเหนือเกาะปิดนภาปรากฏเมฆหมอกโหมพลิกไปมา ราวกับว่าก็ส่งเสียงฟ้าคำรามออกมาเช่นกัน ก่อนจะมีสายฟ้าแลบสายหนึ่งวาดทะลุข้ามท้องฟ้า!
‘ครืน!’ เสียงฟ้าร้องจากบนท้องฟ้าและพื้นดินดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ราวกับว่าสมัยบรรพกาลเพิ่งจะเริ่มต้น!
รอบกายของเยี่ยนจ้าวเกอเต็มไปด้วยมังกรเขียวมากมายที่กลายสภาพมาจากปราณจิตราหลากหลายตัว ระหว่างที่เกล็ดทั่วร่างของพวกมันเปิดปิดอยู่นั้น สายฟ้ามากมายก็พุ่งออกมาจากด้านใน
สายฟ้าถี่ยิบแล่นอยู่ภายในเรือนไม้ไผ่เล็กๆ ก่อนจะรวมตัวเข้าด้วยกัน ประหนึ่งกับทะเลสายฟ้าผืนหนึ่ง พวกมันโหมซัดสาด ทว่ากลับไม่ทำลายเรือนน้อยสักนิดเดียว มังกรเขียวปราณจิตราหลายตัวลืมตาขึ้น มีลำแสงส่องประกายวาบทั้งสิ้น เปี่ยมล้นไปด้วยสติปัญญาและกำลังวังชา มังกรลวงตากลายสภาพเป็นมังกรแท้แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือหนึ่งออกมา แล้วดันออกไปด้านหน้าเป็นแนวราบ
มังกรเขียวปราณจิตราหลายตัวรุกล้ำ กลายสภาพเป็นธาตุอากาศ!
ไร้จุดเริ่มต้น ไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีก่อนหน้า ไม่มีหลังจากนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลวงตาอันแปรสภาพมาจากปราณจิตรา กระนั้นก็สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงท่วงทำนองอันลึกลับที่แฝงอยู่ภายใน
นี่ก็คือโลกลวงตาอันแปรสภาพมาจากเจตจำนงหมัดปราณจิตราของเยี่ยนจ้าวเกอ!
การที่ปราณจิตราแปรสภาพเป็นโลกลวงตานั้น เป็นเครื่องหมายอันแสดงถึงระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลางนั่นเอง!
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย พลังฝ่ามือเปลี่ยนแปลง กลางฝ่ามือของเขาเปลี่ยนเป็นแดงฉาน ปรากฏการณ์ธาตุอากาศลวงตาอันแปรสภาพมาจากปราณจิตรา ก็เปลี่ยนแปลงเป็นสีแดงม่วงผืนหนึ่งตามเช่นกัน
“โอ้ ศิษย์พี่สวีมาแล้วหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกริ่ม “คงอยู่กับศิษย์พี่เซี่ยสินะ”
ชายร่างใหญ่ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยเช่นกัน “หลังจากพบท่านอาวุโสฟางแล้ว เขามาหาคุณชายด้วยเช่นกัน ทว่าเห็นว่าท่านกักตนเข้าฌานอยู่ จึงหายวับไปหาแม่นางเซี่ยขอรับ”
ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็หัวเราะขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา “คบหาดูใจกัน…”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกล่าว “ไป ไปดูกันสักหน่อย”
สวีเฟยปีนี้อายุสามสิบปี เทียบกับลู่เวิ่นและเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว อายุอานามนับว่ามากกว่าทีเดียว ปัจจุบันเป็นจอมยุทธ์ขั้นฝ่านภาเรียบร้อยแล้ว ห่างจากระดับขั้นมหาปรมาจารย์เพียงแค่หนึ่งก้าวเดินเท่านั้น
โดยทั่วไปแล้ว ปรมาจารย์ขั้นฝ่านภาส่วนมากมักจะกักตนบำเพียรเพ็ญ น้อยนักจะออกมาเพ่นพ่านอยู่ภายนอก
เพียงแต่ช่วงนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เสียหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะกู้หน้ากลับคืน จึงส่งถังหย่งฮ่าว ผู้นำรุ่งอรุณทั้งสี่จากสำนักมาเข้าร่วมการประชุมฝ่านภาในครั้งนี้
ถังหย่งฮ่าวเองก็มีพลังฝึกปรืออยู่ในขั้นฝ่านภาแล้วเช่นกัน สวีเฟยเข้าร่วมการประชุมฝ่านภาครานี้ ก็เพื่อเฝ้าระวังถังหย่งฮ่าวไว้ก่อนเป็นการเฉพาะ
ครั้นมาถึงด้านนอกเรือนไม้ไผ่อันเป็นที่พำนักของเซี่ยโยวฉานแล้ว แม้จะอยู่ห่างออกไปไกลโข ทว่าจมูกของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังได้กลิ่นหอมสุรา
จากนั้นเขาก็เห็นทั้งคนสองคนนั่งอยู่หน้าโต๊ะหินด้านนอกเรือนไม้ไผ่ คนหนึ่งคือเซี่ยโยวฉาน อีกคนหนึ่งคือบุรุษรูปร่างสูงใหญ่
ชายผู้นั้นขนคิ้วดกดำ ดวงตากลมโต จมูกโด่ง ปากเป็นกระจับ ดูมีกำลังและอำนาจอย่างมาก ประกายตาใสแจ๋ว พลังปราณที่แผ่ออกมาประดุจขุนเขา
เพียงแต่พฤติกรรมของเขาในขณะนี้กลับแปลกประหลาดอยู่บ้าง เขายิ้มตาหยีพลางยกกาสุราไว้ กำลังจะเทลงใส่จอก
เมื่อมองอย่างถี่ถ้วน ในจอกน้ำชาเบื้องหน้าชายผู้นั้น เห็นได้ชัดเจนว่าใส่ใบชาไว้ ดูจากลักษณะเขาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าต้องการใช้สุราแช่ใบชา
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี