ราคาที่ทางสำนักเต๋าต้องจ่าย คือเฟิงอวิ๋นเซิงต้องรับความเสี่ยงส่วนหนึ่ง
นางเฉือนอำนาจส่วนหนึ่งของมมารสวรรค์ไร้พันธนาทิ้ง
นี่ไม่มีข้อเสียกับเฟิงอวิ๋นเซิง
นางในปัจจุบันตั้งแต่สำเร็จมรรคาหุบเหวโกลาหลสูญ สร้างความมั่นคงให้แก่พื้นฐานของตัวเอง หลังจากขึ้นสู่มหาชาลก็สมบูรณ์มากขึ้น การเชื่อมต่อกับอำนาจมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมยังคงแนบแน่น แต่ว่าไม่ต้องพึ่งพาอาศัยอีกแล้ว ขอแค่ไม่สะบั้นร่องรอยสุดท้ายโดยสมบูรณ์ ล้วนไม่มีผลต่อพื้นฐาน
การเฉือนอำนาจมารสวรรค์ไร้พันธนาทิ้งส่วนหนึ่ง กลับทำให้นางเป็นอิสระมากขึ้น
สิ่งที่ต้องระวังป้องกันอย่างแท้จริง คือนางอาจจะเผชิญกับการกัดกินมากขึ้นอีกครั้งของวิถีมารที่ต้องการจับแต่แสร้งปล่อยในกระบวนการนี้
ทว่าในทางกลับกัน เฟิงอวิ๋นเซิงก็อาศัยประโยชน์จากกระบวนการนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสที่จะได้สอดส่องการเคลื่อนไหวลวงจริงของนพยมโลกอย่างอย่างล้ำลึกกว่าเดิม
ส่วนผู้ใดจะได้ประโยชน์ ผู้ใดจะเป็นคนที่ได้เปรียบ ต้องรอสองฝ่ายวัดกำลังกันก่อนจึงจะรู้
ดังนั้นจึงบอกว่า ถึงแม้เป็นแต้มต่อที่สำนักเต๋าเสนอ แต่พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องจ่าย นพยมโลกก็ต้องเสี่ยงอันตรายเช่นกัน ได้หรือเสียยากจะคาดเดา
นอกเสียจากว่านพยมโลกลงมือด้วยตัวเอง กระนั้นเป็นเพราะการดำรงอยู่ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ต่างฝ่ายต่างมีการเห็นพ้องลับๆ ไม่ต้องการมอบความได้เปรียบให้แก่คนอื่น ดังนั้นความเป็นไปได้นี้จึงมีน้อยยิ่ง
เมื่อเป็นแบบนี้ นพยมโลกก็ยากจะรับประกันว่าคราครั้งนี้ตนจะได้รับมากกว่าเสียขณะติดต่อกับสำนักเต๋า
ไม่มีเรื่องราวที่มีผลประโยชน์มากพอให้วางแผน พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เตรียมใจต่อการปฏิเสธของนพยมโลกไว้แล้ว
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายอยู่บ้างก็คือ หลังจากพิจารณาเล็กน้อย มารจิตแรกเริ่มก็เห็นด้วย
นี่ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอระวังตัวอยู่บ้าง
ถ้าหากมิใช่ว่าใช้ข่มขู่ เช่นนั้นหมายความว่าสภาพทางเนี่ยจิงเสินน่ากลัวจะไม่น่าดูชมจริงๆ ดังนั้นฝั่งนพยมโลกจึงได้คิดล้อมคอกก่อนวัวหาย
เป็นเพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงมีความมั่นใจในการยืนยันว่าฝั่งเนี่ยจิงเสินไม่เกิดปัญหา
ขณะเดียวกัน การติดต่อระหว่างเฟิงอวิ๋นเซิงกับวิถีมาร อีกฝ่ายอาจมีที่พึ่งพิงมากกว่า
หรือจะบอกว่าถึงแม้ไม่อาจกัดกินเฟิงอวิ๋นเซิง เช่นนั้นก็ขอสิ่งที่อยู่รองลงไป การเก็บอำนาจมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมส่วนหนึ่งกลับมาจากเฟิงอวิ๋นเซิง สำหรับนพยมโลกแล้ว สำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
คิดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอพลันทำท่ามือกดลง บอกให้เฟิงอวิ๋นเซิงผ่อนคลายเล็กน้อย ไม่ต้องรีบ
อีกฝ่ายมีความต้องการเร่งด่วนมากกว่า เช่นนั้นฝ่ายตนก็เป็นสิงโตอ้าปาก[1] ได้โดยสมบูรณ์ มีโอกาสได้รับประโยชน์มากกว่า
เขาเขียนคำในอากาศ เงาแสงเหลือร่องรอย “ธงแดนเมฆสีม่วง”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า
แต่เด่นชัดว่ามารจิตแรกเริ่มไม่มีทางตอบรับเงื่อนไขแบบนี้
ถึงนพยมโลกจะมีวิธีการสะกดของวิเศษอย่างธงแดนเมฆสีม่วงกับธงวิเศษบัวเขียว ทว่าคู่ต่อสู้ส่วนหนึ่งที่เขาสะกดไม่ได้ ธงแดนเมฆสีม่วงกลับใช้ประโยชน์ได้แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ถือสาเช่นกัน สิงโตอ้าปาก เดิมเป็นการหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางอีกฝ่าย
เขาพลันเปลี่ยนเป้าหมาย
น้ำทะเลจากหุบเหวทะเลมารแห่งนพยมโลก
ครั้งนี้มารจิตแรกเริ่มตอบรับอย่างชัดเจน
ธงแดนเมฆสีม่วงกลัวน้ำทะเลจากหุบเหวทะเลมารแห่งนพยมโลกจริงๆ แต่ว่าสำนักเต๋าสายหลักเดิมมีเจ้าแม่อู๋ตังจัดการธงแดนเมฆสีม่วงได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ขาดน้ำทะเลชนิดนี้ ตอนนี้ได้มา เป็นการป้องการคู่ต่อสู้คนอื่นมากกว่า
ธงเหลืองโบ่วกี้จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบที่อยู่
ถึงแม้ผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักต่างกำลังพยายามตามหา คิดจะนำของวิเศษของผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์ชิ้นนี้กลับมา กระนั้นผู้ใดทราบบ้างว่าจะตกไปอยู่ในมือคู่ต่อสู้แล้ว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี