ต่อจากบุปผาจิตดอกแรก เยี่ยนจ้าวเกอก็รวมบุปผาปราณบนศีรษะได้ สองบุปผาบนกระหม่อม ก้าวสู่ระดับใหม่ในขอบเขตสุญญตา
เขายิ้มพลางมองเฟิงอวิ๋งเซิง กะพริบตา
“ดูท่าทางได้ใจของท่านสิ” เฟิงอวิ๋นเซิงพูดขึ้น อดหัวเราะไม่ได้
“ตอนนี้ข้ามิใช่ว่าจิตปราณ[1]หรอกหรือ?” สองบุปผาบนกระหม่อมเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ หายไป กลับลงไปในสมองของเขา
เขานั่งอยู่บนเบาะนวมไม่ขยับ กลับกลางสองแขน ทำท่าโอบกอดเฟิงอวิ๋นเซิง หัวเราะแหะๆ ชอบใจ “ยัยภรรยาตัวน้อย สมควรถึงเวลาเจ้าใช้คืนแล้ว”
“ท่านผู้นี้ อยู่ๆ ก็เหลวไหลตลอด” เฟิงอวิ๋นเซิงไม่เหนียมอาย นั่งลงในอ้อมอกเยี่ยนจ้าวเกอ หลังพิงอกของเขา
เยี่ยนจ้าวเกอกอดแขนแน่น พูดด้วยรอยยิ้มข้างหูนางว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่จริงจังที่สุดแล้ว”
“ท่านว่าใช่ก็ใช่แล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงในที่สุดก็ทนไม่ไหว อดหดคอไม่ได้ แต่ว่าก็ผ่อนคลายอย่ารวดเร็ว ยืดคอไปด้านหลังพิงกับไหล่ของเยี่ยนจ้าวเกอ
ขณะมองหูที่แดงขึ้นเล็กน้อยของนาง เยี่ยนจ้าวเกออดใช้ริมฝีปากขบติ่งหูกลมเนียนนุ่มของนางเบาๆ ไม่ได้
สตรีในอ้อมอกร่างอ่อนระทวยส่วนหนึ่งอย่างมิอาจควบคุม
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้หยอกนางต่อ
เขาเพิ่งออกฌาน พลังฝึกปรือสำเร็จมากขึ้นขั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนในเขากว่างเฉิง หรือคนอื่นๆ ย่อมต้องมาแสดงความยินดี
ตอนนี้เป็นแค่ช่วงเวลาที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บไว้กล่าววาจาส่วนตัวสำหรับพวกเขาสองสามีภรรยา อีกเดี๋ยวก็จะผ่านไปแล้ว
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังกอดเฟิงอวิ๋นเซิงไว้ไม่ปล่อย เพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงจะบอกตลอดว่าเป็นสามีภรรยาแล้ว แต่มิใช่แค่ไม่ได้เข้าห้องหอ พวกเราแม้แต่พิธีกราบไว้ฟ้าดินก็ยังไม่เคยทำ”
เฟิงอวิ๋นเซิงมุมปากแฝงรอยยิ้ม “ท่านคิดเสียใจก็ไม่ทันแล้ว”
“ยัยโง่” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “หากเสียใจจริงๆ เช่นนั้นขอรับประทานเจ้าจนหมด เอาเปรียบจนพอใจแล้วค่อยว่ากัน แรกลวนลามท้ายทิ้ง ยังไม่ทันได้ ‘แรกลวนลาม’ ไหนเลยจะ ‘ท้ายทิ้ง’ ได้ง่ายดายอย่างนั้น เจ้าว่าถูกไหม?”
“ถูกแล้วๆ รู้ว่าท่านติดขนยังละเอียดกว่าลิง[2] ไหนเลยทำเรื่องเสียเปรียบได้” เฟิงอวิ๋นพิงในอ้อมอกเยี่ยนจ้าวเกออย่างเกียจคร้าน
“ข้ารอวินาทีที่จะได้เปิดผ้าคลุมศีรษะเจ้าสาวด้วยมือตัวเองมาโดยตลอด” เยี่ยนจ้าวเกอไม่หัวเราะแล้ว โอบกอดนาง กล่าวเบาๆ “ประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน”
ถูกเยี่ยนจ้าวเกอหยอกล้อ เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ว่าอะไร
แต่ว่าในขณะที่เขากล่าวจริงจัง หูนางกลับแดงกว่าเดิม พึมพำว่า “ข้าอยากรู้ยิ่งเช่นกัน…”
สองคนไม่คุยกัน นั่งแอบอิงกันเงียบๆ ถึงจะไร้เสียง จิตใจกลับปลอบประโลม
ครู่ต่อมา อยู่ๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจ “คนขัดบรรยากาศมาแล้ว”
ถึงเขายังคิดจะกอดเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ปล่อย แต่ว่าต่อหน้าผู้อาวุโส เฟิงอวิ๋นเซิงสุดท้ายแล้วนั่งไม่อยู่ ลุกขึ้นจากอ้อมอกเยี่ยนจ้าวเกอ
จากนั้นตรงประตูก็ปรากฏเงาคนหลายสาย เป็นพวกเยี่ยนตี๋ เสวี่ยชูชิง สวีเฟย และหยวนเจิ้งเฟิงมาถึง
“พวกเราขัดบรรยากาศจริงๆ” พอพบหน้า หยวนเจิ้งเฟิงก็เอ่ยพร้อมหัวเราะทันที
ประโยคก่อนหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ได้แอบใคร ตั้งใจส่งเสียงเข้าไปในหูพวกเขา
“แต่ว่ายังต้องมา มีเรื่องสำคัญส่วนหนึ่งต้องพูดกับเจ้าก่อน” เจ้าสำนักคนเก่าเอ่ย “หลังจากนี้อีกไม่นาน จะเป็นวันสู้ตัดสินระหว่างมหาเทพสมุทรตรีภพของสำนักเต๋าเราและทีปังกรพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก”
“อ้อ? หมายความว่าทีปังกรพุทธะรับคำท้าของมหาเทพสมุทรตรีภพแล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี