“ถ้าหากทำให้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตโผล่ขึ้นมาได้อีกครั้ง ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างใหญ่หลวงสำหรับสำนักเต๋าของพวกเรา” หยางเจี่ยนกล่าว “แต่ว่าบรมครูใช้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหลุดพ้น พวกเราคนรุ่นหลังถ้าหากเดินบนเส้นทางนี้อีก จะโดนเจ้ามรรคาคนอื่นหมายหัวได้ง่ายดายยิ่ง สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน แผ้วทางขึ้นมาใหม่ หลบเลี่ยงความขัดแย้งนี้ก่อน นับว่าเป็นเรื่องดี”
“กล่าวเรื่องนี้ในตอนนี้ยังเร็วเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หยางเจี่ยนว่า “คนไร้กังวลไกลย่อมมีกังวลใกล้”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาที่ถือกำเนิดจากสำนักเต๋าย่อมทราบเรื่องนี้อย่างล้ำลึก
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นด้วยกับคำพูดของหยางเจี่ยนเช่นกัน ดังนั้นความรู้สึกของเขาในตอนนี้จึงมิได้สงบอย่างภายนอก
เขามีความสงสัยต่อคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ
เพียงแต่ว่าตอนนั้นข้อมูลในมือน้อยเกินไป ทุกอย่างพร่ามัวไม่ชัดเจน เหมือนมองบุปผาในม่านหมอก
สาเหตุที่ไม่เคยเผยความลับที่ตนครบครองคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผล
จนกระทั่งให้หลัง เรื่องราวที่ทราบมากขึ้น คล้ายพิสูจน์ความระมัดระวังในหลายปีมานี้ของเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่องว่าเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง หากแต่ ความสงสัยไม่เคยได้รับการแถลงไข กลับยิ่งมายิ่งกระตุ้นให้คนใคร่ครวญ
หลายปีมานี้ ทุกคนคาดหวังว่าเขาที่รวบรวมเก้าคัมภีร์ครบ ทั้งฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน จะอนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตได้ ทำให้วรยุทธ์ชนิดนี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง นี่กลับทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตกตะลึง
เป็นเพราะตามคำพูดของคนอื่นๆ คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหายสาบสูญมาโดยตลอด หลังจากบรมครูเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดหลุดพ้นไป มิใช่ไม่มีคนฝึกฝนวรยุทธ์นี้จนสำเร็จ แต่ไม่มีคนล่วงรู้
เจ้าแม่อู๋ตังกับไท่อี้จินหยินต่างไม่ได้อยู่บนวังเทพยังพอทำเนา
หยางเจี่ยนมีหน้าที่อยู่บนวังเทพตามความหมาย แต่ว่ามีนิวาสสถานของตัวเองอยู่ด้านนอก ฟังคำสั่งโยกย้ายไม่ฟังโองการ น้อยครั้งยิ่งที่จะถามเรื่องราวในวังเทพ
แต่ว่าจักรพรรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินคล้ายกับไม่ทราบเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอได้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตมาจากหอเก็บหนังสือของวังเทพ แสดงให้เห็นว่าคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตหายสาบสูญมาโดยตลอด ค่อนข้างคาดหวังต่อการอนุมานย้อนกลับถึงคัมภีร์ของเยี่ยนจ้าวเกอ สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมิอาจไม่คิดมาก
ตอนนี้ยังมีนาจาที่อยู่บนวังเทพมาโดยตลอดยืนยันอีกครั้ง
เทียบกันแล้ว คำพูดของนาจายังน่าเชื่อถือยิ่งกว่าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋และจักรพรรดิโกวเฉิน
เยี่ยนจ้าวเกอจะสงบใจได้อย่างไร?
กระนั้นยิ่งอารมณ์ไม่มั่นคง เปลือกนอกของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งเป็นความสงบนิ่งที่พยายามแสดงออกสุดความสามารถ มีทั้งความมั่นอกมั่นใจ และการคาดหวังรอคอย ดูปกติยิ่ง
“จริงด้วย พี่ร่วมเส้นทาง” นาจาพูดกับหยางเจี่ยน “นอกจากธงเหลืองโบ่วกี้กับคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตเรื่องน่ายินดีสองเรื่องแล้ว ยังมีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่อง”
“อ้อ? เช่นนั้นรีบบอกออกมาฟังดู” หยางเจี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นาจาขยิบตาให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง “สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนกับสหายร่วมเส้นทางเฟิงอวิ๋นจะจัดพิธีวิวาห์แล้ว นี่มิใช่เรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหรอกหรือ?”
“นั่นน่ายินดีโดยแท้” หยางเจี่ยนได้ยินก็แสดงความยินดีกับเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงทันที “ต้องดื่มสุราฉลองถ้วยหนึ่งแก่พวกท่านสามีภรรยาแล้ว”
“กล่าวไปน่าละอาย จนกระทั่งวันนี้ค่อนกำหนดวันได้ มีเวลาเหลือจัดการพิธีใหญ่” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะพลางคารวะคืนหยางเจี่ยน “อย่างไรก็ไม่ขาดสุราของพี่ร่วมเส้นทาง พี่ร่วมเส้นทางรับคำเชิญย่อมประเสริฐ”
“พวกเราไปเถอะ ระหว่างทางกลับค่อยคุยพลางเดินพลาง” หยางเจี่ยนกล่าวกับนาจาอีกว่า “ทีปังกรถูกข้าเล่นงานได้รับบาดเจ็บ มีข้ออ้างที่ดี เจ้ายากจะสมหวังชั่วคราว มิสู้กลับไปพักผ่อนก่อน ภายหลังค่อยหาเรื่องเขาใหม่”
“รอหลังจากงานวิวาห์ของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนกับสหายร่วมเส้นทางเฟิง ข้าค่อยขวางมันอีกรอบ” นาจาว่า “น่าเสียดายในสงครามก่อนหน้าไม่ได้แย่งมุกค้ำทะเลมาจากมันสักชิ้น ไม่อย่างนั้นนำมาเป็นของขวัญอวยพรได้”
เยี่ยนจ้าวเกอชี้นาจาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ร่วมเส้นทางวาจานี้ข้าจดจำไว้แล้ว ตอนนี้ไม่ต้องรีบ ภายหลังต้องชดเชย”
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเขาอย่างจนปัญญา “ท่านนี่!”
“จำไว้แล้ว ข้าจะต้องชดเชยแน่” นาจาไม่ว่าอะไร กล่าวอย่างทะนงตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี