ตอนที่เห็นสุนัขป่าปีศาจทมิฬกับมังกรวารีทมิฬแวบแรก เยี่ยนจ้าวเกอก็มุ่นคิ้วอยู่เงียบๆ เพราะรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่เลือนราง
ถึงแม้ว่าร่างกายมังกรวารีทมิฬจะแข็งแกร่ง แต่กลับขาดปราณอันโหดร้ายดุดันที่สัตว์วิเศษมีเฉพาะอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่ายามปกติอยู่ดีกินดีเป็นที่สุด ไม่ได้ผ่านการต่อสู้จริงมากนัก
ส่วนในด้านรูปลักษณ์ภายนอกของสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนั้น แม้จะดูเหมือนว่าธรรมดาทั่วไป ไม่มีสิ่งใดพิเศษ เทียบไม่ติดกับมังกรวารีทมิฬที่ดูทรงพลังและอานุภาพเช่นนั้น ทว่ารอยแผลเก่าและใหม่ทั่วร่างหัวจรดเท้า กลับทำให้เห็นชัดแจ้งว่าเป็นร่องรอยที่การผ่านการต่อสู้สังหารและความเป็นความตายหลายครั้ง อีกทั้งยังเผยลมปราณอันป่าเถื่อนกระหายโลหิตกลุ่มหนึ่งออกมาด้วย
ปล่อยเข้าไปในการต่อสู้สนามเช่นนี้…เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตอย่างละเอียดครู่หนึ่ง
สุนัขป่าปีศาจทมิฬดูเหมือนว่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ กระนั้นระหว่างที่หลบออกไปและเคลื่อนย้าย มันช่างมีลำดับขั้นอย่างยิ่งยวด ไม่มีความรู้สึกลุกลี้ลุกลนแม้สักนิด คล้ายกับว่ากำลังจงใจใช้วิธีลอบโจมตี ลดทอนกำลังกายของมังกรวารีทมิฬ
ผนวกกับผลจากปราณเย็นเยียบของที่ส่งกระจายออกมาแต่กำเนิดของมัน ชัดแจ้งว่าเป็นการประลองยาวนานที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ถ่วงเวลาจนมังกรวารีทมิฬไม่มีกำลังกายแล้ว ถึงค่อยหวนกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
เพียงแต่ว่าพลังของมังกรวารีทมิฬนั้นแกร่งอย่างยิ่ง ถึงจะยืดเวลาออกไปนานเช่นนี้ แต่สุนัขป่าปีศาจทมิฬก็ยังคงหาโอกาสโจมตีกลับไม่ได้
ทว่าหากมังกรวารีทมิฬยังไม่อาจหาโอกาสที่จะทำให้สุนัขป่าปีศาจทมิฬบาดเจ็บสาหัสอย่างแท้จริงได้ เช่นนั้นอีกฝ่ายจะต้องเป็นฝ่ายพลิกกลับมาได้เปรียบเป็นแน่
สุนัขป่าปีศาจทมิฬมีความทนทานและอดกลั้นสูงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมีประสบการณ์สู้รบเพียงพอ กลับเป็นมังกรวารีทมิฬที่หลังจากค่อยๆ หมดแรงลง ก็เปลี่ยนเป็นยิ่งหุนหันพลันแล่นด้วยซ้ำไป
‘ศิษย์พี่เยี่ย ท่าไม่ดีแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มังกรวารีทมิฬต้องแย่แน่’ เยี่ยนจ้าวเกอมุ่นคิ้วเล็กน้อย ส่งกระแสจิตให้แก่เยี่ยฉงโจว
เยี่ยฉงโจวตะลึงงัน เพราะในความคิดเขานั้น ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นมังกรวารีทมิฬที่ครองความได้เปรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่ออีกว่า ‘หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้นกำลังแสร้งทำเป็นอ่อนข้อ มันจงใจใช้วิธีลอบโจมตีเพื่อลดทอนกำลังกายของมังกรวารีทมิฬ’
ตาดำทั้งสองดวงของเยี่ยฉงโจวพลันหดเล็กลงทันที ในขณะเดียวกัน การต่อสู้ในสนามพลันเกินการเปลี่ยนแปลง!
หลังจากการรุกโจมตีอย่างไม่ลืมหูลืมตาของมังกรวารีทมิฬล้มเหลวลงครั้งหนึ่ง ร่างสุนัขป่าปีศาจทมิฬที่หลบหลีกการรุกโจมตีนั้นก็พลันตัวหมุนกลับ ระเบิดพลังทั้งกายออกมา ชนเข้ากับกระดูกซี่โครงอ่อนช่วงเอวของมังกรวารีทมิฬที่ยังไม่ทันยืนมั่นคงนัก!
ในเวลานี้เอง สุนัขป่าปีศาจทมิฬถึงได้แสดงระดับความสามารถที่แท้จริงของตนออกมา โครงกระดูกทั่วร่างสั่นสะเทือน กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมากมาย ขนที่เหมือนกับเข็มโลหะตั้งชันขึ้นมาทุกเส้น ดูเหมือนกับว่าทั่วทั้งร่างกายกลมโตขึ้นแล้ว อีกทั้งไม่ด้อยไปกว่ามังกรวารีทมิฬเลยแม้แต่น้อย!
การรุกโจมตีของมังกรวารีทมิฬเพิ่งจะคว้าน้ำเหลว มันยังไม่ทันได้รวมกำลังใหม่ ก็ถูกอีกฝ่ายกระแทกเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ในช่วงเวลาอันสั้นแล้ว ทำให้รูปร่างหนาสูงมหึมาพลันถูกชนคว่ำลงบนพื้นโดยพลัน
สุนัขป่าปีศาจทมิฬได้เปรียบแล้วก็ไม่รีรอต่อไป เล็บคมปากใหญ่โจมตีมังกรวารีทมิฬพร้อมกัน ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก โลหิตสดรินไหลในชั่วพริบตา
รอยยิ้มบนใบหน้าของศิษย์เมืองทะเลมรกตล้วนแข็งค้าง สีหน้าเยี่ยฉงโจวก็พลันเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที
มังกรวารีทมิฬที่ได้รับบาดเจ็บส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง มันปะทุพลังทั่วกาย แล้วใช้แรงถาโถมสะบัดสุนัขป่าปีศาจทมิฬออกไป ก่อนจะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง แล้วถลาลงไปทางคู่ต่อสู้ที่สร้างความบาดเจ็บให้กับตนอย่างดุเดือด
หลังจากการโจมตีนี้ผ่านไป สุนัขป่าปีศาจทมิฬเปลี่ยนกลับมามีลักษณะเหมือนเช่นแต่ก่อนอีก มันเคลื่อนไหวหนีอยู่ตลอดอีกครั้ง หลบหลีกการโหนกระโจนเข้าใส่ด้วยความโกรธแค้นสุดชีวิตของมังกรวารีทมิฬ
ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ หรี่ลง แววตาเย็นเยียบทีเดียว
เขาถือว่ามองออกแล้ว ว่าเจ้าสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนี้นั้นเจ้าเล่ห์อย่างถึงที่สุดจริงๆ
หากมองผ่านๆ จะดูเหมือนว่ามันกลัวไปยั่วโทสะมังกรวารีทมิฬเข้า แต่แท้จริงแล้วก็เป็นการใช้วิธีการเดิมซ้ำอีก ใช้ประโยชน์จากการลอบโจมตีลดทอนกำลังกายและพลังอันฮึกเหิมของมังกรวารีทมิฬ
สุนัขป่าปีศาจทมิฬรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ อย่าว่าแต่เยี่ยจงโฉวและคนอื่นๆ เลย มังกรวารีทมิฬที่อยู่ใกล้มันในระยะเผาขนจึงไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ใด พริบตาเดียวการจู่โจมของอีกฝ่ายก็มาถึงเบื้องหน้าแล้ว!
ทว่าเงาร่างหนึ่งพลันขวางอยู่ด้านหน้ามังกรวารีทมิฬ อีกทั้งต่อยหมัดไปบนหน้าผากของสุนัขป่าปีศาจทมิฬซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
สุนัขป่าปีศาจทมิฬถูกต่อยจนลอยกระเด็นออกไป ผู้มาเยือนก็คือเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอง
เฉินหลินมองยังเยี่ยนจ้าวเกอ มุ่นคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยฉงโจวที่ยังตกอกตกใจเวลานี้ฟื้นคืนสติกลับมา ร้องตะโกนด้วยความโกรธเคือง “ศิษย์น้องเฉิน เจ้าช่างร้ายกาจเสียจริง!”
นางชำเลืองมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเย็นชา แล้วเรียกสุนัขป่าปีศาจทมิฬที่ถูกชายหนุ่มต่อยจนวิงเวียนกลับมา จากนั้นก็แสดงความเคารพต่อเยี่ยฉงโจวตามมรรยาท “อย่างไรเสียมันก็ยังไม่ได้มีสติปัญญาถึงเพียงนั้น เพราะบ้าระห่ำยากจะทำให้เชื่อง แต่พละกำลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง บางคราข้าเองก็ไม่อาจควบคุมบังคับได้ทั้งหมด เกือบจะทำร้ายมังกรวารีทมิฬของศิษย์พี่เยี่ย ข้าต้องขออภัยศิษย์พี่เยี่ยไว้ ณ ตรงนี้ ทั้งยังขอให้ศิษย์พี่เยี่ยอย่าได้คิดเล็กคิดน้อย อย่าได้ตำหนิ”
เยี่ยฉงโจวสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ถึงจะบังคับควบคุมตนเองไม่ให้ถลาไปให้รางวัลนางด้วยวารีเทียมฟ้าสักกระบวนท่าหนึ่ง
คำพูดไม่กี่ประโยคทำให้เยี่ยฉงโจวเกิดความคับแค้นอึดอัดใจ เฉินหลินหันศีรษะกลับมามองเยี่ยนจ้าวเกอพลางยิ้มน้อยๆ “ชื่อเสียงเกรียงไกรของศิษย์พี่เยี่ยนจ้าวเกอ ข้าเลื่อมใสมานานนักแล้ว”
ดวงตาเยี่ยนจ้าวเกอหรี่ลงเล็กน้อย รอยยิ้มของอีกฝ่ายคล้ายกับว่ามีความหมายอื่นแฝง
ดังคาด ชายหนุ่มได้ยินเฉินหลินกล่าวต่อว่า “ได้ยินว่าศิษย์พี่เยี่ยนได้สัตว์วิเศษมาใหม่ตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือปี่เซียะภูเขาที่หาพบได้ยาก มหัศจรรย์นัก ไม่ทราบว่าข้าจะมีวาสนาได้พบเห็นหรือรู้จักสักหน่อยหรือไม่”
สุนัขป่าปีศาจทมิฬที่หมอบอยู่แทบเท้านางส่งเสียงร้องต่ำ มีกลิ่นของความกระหายโลหิตพร้อมสู้รบอยู่รางๆ
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี