“ดูเหมือนของที่มาจากวังเทพอย่างแท้จริง” แสงสีเขียวมรกตเกาะเกี่ยวเป็นอักขระอาคมอันลี้ลับในสองตาของเยี่ยนจ้าวเกอ หมุนวนไม่หยุด
มองไปคล้ายกับกำลังขับเคลื่อนการอนุมานความลี้ลับของคัมภีร์นภาเปิดกำเนิด ความจริงไม่เกี่ยวกัน
เหมือนกับหยางเจี่ยน ตอนเขาอยู่ในวังเทพ เคยเห็นของที่คล้ายกันมาก่อน
ถึงรูปแบบจะมีความแตกต่าง แต่ว่าป้ายอาญาที่เหมือนทองมิใช่ทอง เหมือนหยกมิใช่หยกแผ่นนี้ ความจริงมาจากวังเทพ
เพียงแต่ว่าเหมือนคำพูดของเยี่ยนตี๋และหยางเจี่ยน วัตถุสิ่งนี้คล้ายไม่มีจุดพิเศษ
แต่เชื่อมกับคำพูดของเยี่ยนตี๋ เขาได้รับสิ่งนี้มา เกี่ยวข้องกับเมฆแปลงกำเนิด นี่ไม่มิอาจไม่กระตุ้นความคิดผู้คน
เมฆแปลงกำเนิด รองรับลักษณ์แปลงกำเนิด ถึงแม้ภายนอกในตอนนี้มองไปเหมือนกลุ่มเมฆและเหมือนดอกบัว แต่โดยพื้นฐานความจริงไร้รูปร่างไร้นิยาม
การดำรงอยู่เช่นนี้ ต่อให้สัมผัสกับของอย่างอื่น โดยพื้นฐานแล้วจะไม่เหลือร่องรอยไว้
เมฆแปลงกำเนิดไม่ถึงกับทิ้งร่องรอยไว้บนป้ายอาญาแผ่นนี้ กลับกัน ป้ายอาญาแผ่นนี้ก็ไม่น่าจะทิ้งร่องรอยไว้ในเมฆแปลงกำเนิดเช่นกัน
ถ้าหากต้องบอกว่าเมฆแปลงกำเนิดมีการเชื่อมต่อ นั่นก็มีแต่ตัวเยี่ยนตี๋แล้ว
แต่ว่านี่เป็นเพราะเยี่ยนตี๋อยู่ใกล้ชิดกับเมฆแปลงกำเนิดมาหลายพันปีในขณะที่จะเกิดไม่เกิดแหล่ เมฆแปลงกำเนิดแทบนับได้ว่าเป็นครรภ์มารดาอีกครรภ์หนึ่งของเขา
นี่จึงค่อยมีความเกี่ยวข้องในปัจจุบันของสองฝ่าย
ป้ายอาญาแผ่นนี้ดูเหมือนไม่มีจุดพิเศษ แต่กลับคล้ายเกี่ยวข้องกับเมฆแปลงกำเนิดของเยี่ยนตี๋ ความจริงแม้แต่จุดที่ผิดปกติที่สุดของมันก็ยังเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
“มีปัญหานั้นต้องมีปัญหาแน่ ทว่า…” เฟิงอวิ๋นเซิงมองหยางเจี่ยน
หยางเจี่ยนพยักหน้า “ตอนนี้ข้ามองสาเหตุที่ซ่อนอยู่ด้านในไม่ออก”
เยี่ยนตี๋กลับมีสีหน้าสงบนิ่ง “ถ้าพวกท่านสองคนต่างมองไม่ออก เช่นนั้นปัญหาก็ไม่ธรรมาแล้ว”
หยางเจี่ยนไม่ต้องกล่าวมากความ เซียนสวรรค์มหาชาลที่พลังแข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ ถึงขั้นที่ทอดตามองไปทั่วใต้ฟ้า ล้วนเป็นหนึ่งในตัวตนที่สุดยอดที่สุดรองจากระดับมรรคาตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยมีมา
แม้แต่เฟิงอวิ๋นเซิง ฝึกฝนหลายปีมาถึงวันนี้ ต่างแซงหน้าคนรุ่นก่อนจำนวนนับไม่ถ้วน กลายเป็นผู้โดดเด่นท่ามกลางเซียนสวรรค์มหาชาลในปัจจุบัน
ด้วยขีดความสามารถพลังฝึกปรือ รวมถึงระดับกับพลังสายตาของพวกเขาสองคน การมองป้ายอาญานี้ไม่ออกชั่วขณะ นั่นโดยพื้นฐานแล้วมีแค่ความเป็นไปได้เดียว
ของเกี่ยวข้องกับเจ้ามรรคาสักคนหนึ่ง
“ของสิ่งนี้เกี่ยวพันกับเมฆแปลงกำเนิด กลับได้ประโยชน์ ไม่อย่างนั้นพี่ร่วมเส้นทางหยางเปิดตาเทพที่สาม บางทียังคงมองเลศนัยส่วนหนึ่งออก” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า
หยางเจี่ยนหัวเราะหนักใจคำหนึ่ง กลับเห็นด้วยกับข้อวินิจฉัยของนาง
“เช่นนั้นเป็นเจ้ามรรคาคนใด?” เยี่ยนตี๋มองป้ายอาญาแผ่นนั้น “เหล่าจวินหรือ?”
ถึงเมฆแปลงกำเนิดจะเป็นฟ้าให้กำเนิดเมฆกลุ่มหนึ่ง มิใช่เทวกษัตริย์เต๋าหรือเหล่าจวินสร้างขึ้น แต่เป็นเพราะจิตพลังที่อยู่ด้านใน ยากยิ่งที่จะไม่ทำให้คนนึกเชื่อมโยงถึงเจ้ามรรคาแห่งเอกพิสุทธิ์
“บอกไม่ได้ นี่มิใช่ของของเหล่าจวิน” หยางเจี่ยนกล่าว “แน่นอนว่าเหล่าจวินเองก็อาจจะใช้ได้ แต่ไม่อาจเป็นฝีมือของเหล่าจวิน ข้าไม่เคยได้ยินอาจารย์อาเสวียนตูพูดมาก่อนว่า ในวังแปดทัศน์หรือวังดุสิตเคยเก็บเมฆแปลงกำเนิดนี้ไว้”
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยได้ยินว่าเมฆแปลงกำเนิดนี้มีเจ้าของก่อนหน้า คล้ายกับเป็นเมฆธรรมดามาโดยตลอด จนกระทั่งเยี่ยนซิงถางบิดาเจ้าได้มา ค่อนนับว่าเป็นเจ้าของรุ่นหนึ่ง”
ได้ยินคนอื่นๆ ถกกัน เยี่ยนจ้าวเกอเงียบงันชั่วขณะ
เขามองป้ายอาญาแผ่นนั้น จากนั้นก็มองกลุ่มเมฆที่ลอยอยู่บนศีรษะของเยี่ยนตี๋เหมือนกับไร้ขอบเขต บานเหมือนดอกบัว
“วังเทพ…” เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกายเล็กน้อย “เมฆแปลงกำเนิด”
เขาได้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตที่วังเทพ
เยี่ยนตี๋ตอบ “ย่อมไม่มีใดไม่ได้”
หยางเจี่ยนเก็บป้ายอาญาเรียบร้อย ก็มองเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋งเซิงอีกรอบ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อีกเดี๋ยวทั้งสองจะแต่งงานแล้ว ข้าไม่ได้พกสมบัติล้ำค่าติดตัว แต่ต้องมอบของขวัญอวยพรให้สักส่วนถึงจะถูก”
“พี่ร่วมเส้นทางมาร่วมพิธีได้ พวกข้าสามีภรรยาก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า
เยี่ยนจ้าวเกอกลับยิ้มกว้าง “ข้าจะตั้งตารอ ไม่อย่างนั้นไฉนต้องเชิญแขกมากมายด้วย?”
เห็นท่าทางหนังหน้าหนาของเขา เฟิงอวิ๋นเซิงกุมหน้าอย่างจนปัญญา เยี่ยนตี๋ที่อยู่ด้านข้างอดส่ายหน้าหัวเราะไม่ได้
“ตั้งใจจะให้เจ้าแต่แรกแล้ว แต่คิดว่ารอจนถึงตอนพวกเจ้าแต่งงาน คนยากจนเช่นข้าไม่อาจเตรียมของขวัญอวยพรอย่างอื่น ดังนั้นจึงถ่วงเวลามาถึงวันนี้” หยางเจี่ยนกลับไม่สนใจ เหมือนตนจึงเป็นคนได้ประโยชน์
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “พี่ร่วมเส้นทางกล่าวเช่นนี้ ข้าคาดหวังกว่าเดิมแล้ว”
“ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้าถึงจะรองรับกายทองส่วนหนึ่งที่ซุนหงอคงเหลือไว้ แต่ว่าตัวมันยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาขึ้นอีกขั้น” หยางเจี่ยนเอ่ย “ร่างแยกนั้นค่อนข้างเหมาะกับวิชาแปดเก้าของข้า เป็นวาสนาชั้นหนึ่ง”
ที่หยางเจี่ยนกล่าวก่อนหน้านี้ว่าตั้งใจรองานวิวาห์ค่อยส่งของขวัญ เป็นแค่วาจาหยากล้อกึ่งจริงกึ่งปลอมเท่านั้น
หลายปีมานี้เขาปรับปรุงวิชาแปดเก้าอย่างต่อเนื่อง หลังกลั่นกรองให้ดียิ่งขึ้น ค่อยส่งมอบแก่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอได้
วิชาแปดเก้าเป็นหยางเจี่ยนสร้างขึ้นคนเดียว สอดคล้องกับร่างของเขาสุดเปรียบปาน คนอื่นๆ ฝึกฝนกลับยากยิ่งกว่าปีนป่ายสวรรค์ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถึงจะเหมาะ แต่ยังต้องปรับแต่งเล็กน้อย จึงจะเข้ามือได้ง่าย
แม้จะคาดการณ์ไว้บ้าง ตอนนี้ได้ยินหยางเจี่ยนตัดสินใจเช่นนี้จริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอยังตอบรับด้วยใบหน้าจริงจัง “ขอบคุณพี่ร่วมเส้นทาง”
“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ สำนักเต๋าของพวกเรารุ่งเรือง ยอดฝีมือยิ่งมากย่อมยิ่งดี ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้ามีพื้นฐานแข็งแรงขนาดนี้ ทั้งยังสอดประสานกับแปดเก้าเช่นนี้ ข้าย่อมช่วยเหลือเจ้าอีกแรง” หยางเจี่ยนกล่าวอย่างสะท้อนใจ “แต่ก็ดั่งคำพูดที่ว่า อาจารย์พาเข้าประตู การฝึกฝนขึ้นกับตัวคน แม้ข้าจะถ่ายทอดวิชาแปดเก้าแก่เจ้า แต่ว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้าจะเหยียบทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิดได้หรือไม่ กลับยังคงยากจะบอกกล่าว”
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี