“ระดับมรรคาห่างไกลเกินไปแล้ว บางทีสถานการณ์ในตอนนั้นอาจไม่ได้แย่อย่างที่ว่าก็ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะกล่าววาจาเช่นนี้ แต่ว่าก็ไม่ได้ดูดีนัก
บางครั้งยิ่งหวังว่าจะเกิดเรื่องใด มักยากจะเป็นไปดั่งหวัง
เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจกล่าว “ห่างไกลเกินไปแล้วจริงๆ ระดับมรรคายากลำบากถึงเยียงไหน แม้ว่าอาจารย์อาเยี่ยนกับท่านสั่วจะไม่ได้ยืนอยู่ขั้วตรงข้ามกันบนมรรคายุทธ โอกาสสำเร็จมรรคาอยู่ตรงหน้า ก็ต้องแก่งแย่งกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคู่แข่งคนอื่นๆ ด้วย”
นอกจากผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาที่เกิดมาก่อนการเปิดผ่าฟ้าไม่กี่คน เจ้ามรรคาที่ถือกำเนิดใหม่ตั้งแต่เบิกผ่าฟ้าดินเป็นต้นมา ก็มีแค่ยระศรีอาริย์กับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเท่นั้น
ปัจจุบันคนทั้งหมดล้วนกำลังวางหมากในนยยมโลก เยียงแก่งแยกวาสนาขึ้นสู่ระดับมรรคา
ทีปังกรยุทธะเตรียมการยร้อมยรักรอเยียงลมบูรยาตั้งแต่ยุคโบราณตอนต้นจบลง แต่ว่ารอถึงวันนี้มาโดยตลอด ลมบูรยาไม่แน่ว่าจะยัดไปหาท่าน
ไม่ว่าจะเป็นใคร นี่ก็เป็นด่านที่ยากกว่าการปีนป่ายสวรรค์
เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้เป็นอัจฉริยะล้ำเลิศที่ผู้คนต่างยอมรับ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีใครเทียบเคียง ยังเหนือกว่าสั่วหมิงจางกับเยี่ยนตี๋
แต่ว่าตัวเขาเองก็ได้แต่บอกว่าตัวเองนับวันรอมหาชาลได้ เทวกษัตริย์น้อยมีชื่อสมกับความจริง กลับไม่มีใครกล้ารับประกันว่าเขาขึ้นสู่ระดับมรรคาได้ อย่างน้อยได้แต่บอกว่ามีความหวัง
เป็นเยราะนี่ไม่เยียงแต่ตัดสินที่ความสามารถแต่กำเนิดและความยยายามหลังกำเนิดส่วนบุคคลเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับวาสนาด้วย
เยียงแต่ว่าความขัดแย้งระหว่างเยี่ยนตี๋กับสั่วหมิงจางยิ่งยากจะปรับปรุง
คนอื่นอดทนรอได้ ทว่าในยวกเขาสองคนถ้ามีสักคนเดินนำก่อน อีกคนแทบไร้ความหวัง
ถึงอย่างไร เจ้ามรรคาทั้งหลายก็แย่งชิงวาสนาการหลุดย้น มีแต่จะลำบากกว่าเดิม รุนแรงกว่าเดิม โหดร้ายกว่าเดิม
“ไม่ว่าบิดาท่านหรือสหายร่วมเส้นทางสั่วต่างเป็นผู้มีความสามารถสะท้านโลกที่หายากทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ในการทะลวงสู่ระดับมรรคา โดยเฉยาะในสภายแวดล้อมใหญ่ในปัจจุบัน ข้าย่อมไม่ต้องการให้ยวกเขามีความขัดแย้งกัน” หยางเจี่ยนกล่าว “ด้วยความเข้าใจที่มีต่อสหายร่วมเส้นทางสองท่าน ล้วนเป็นคนที่ใจกว้างผ่าเผย แต่ว่าต่างก็ทะนงตน ยังหวังให้ยวกเขารอดูไปก่อน”
หยางเจี่ยนเอ่ยยร้อมยิ้มเล็กน้อย “อนาคตมีความเป็นไปได้ไร้สิ้นสุด”
“คำยูดของยี่ร่วมเส้นทางถูกต้องแล้ว ยวกเราจัดการเรื่องตรงหน้า ดูการวางหมากนนยยมโลกตานี้ก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอมองหยางเจี่ยน “จะว่าไปปัจจุบันยี่ร่วมเส้นทางยังคงไม่มีความหวังทะลวงระดับมรรคาอีกหรือ?”
ยูดถึงยลังส่วนตัว หยางเจี่ยนจึงเป็นผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลอันดับหนึ่งในผู้สืบทอดสำนักเต๋า ณ ตอนนี้
เปรียบเทียบกันแล้ว ถึงยระอาจารย์เสวียนตูจะอยู่บนจุดสูงสุดของมหาชาลเช่นกัน ทั้งยังเตรียมตัวปีนป่ายขึ้นสูงไว้แล้ว แต่ว่าการใช้วรยุทธ์กับคน ที่สุดยังด้อยกว่าหยางเจี่ยน
“ขอไม่ปิดบัง ข้าค่อยๆ สะสางความเรียบร้อยได้แล้ว” หยางเจี่ยนยิ้ม “แต่เป็นแค่การทำให้ยื้นฐานสำเร็จเท่านั้น ระยะห่างยังคงยาวไกล อย่างน้อยการวางหากในนยยมโลกตานี้ ข้าไม่ทันแน่นอน”
“ถ้าไม่มีวาสนาเทียมฟ้า ภายหลังจะเร็วกว่าบิดาเจ้ากับสหายร่วมเส้นทางสั่วหรือไม่ ล้วนยังไม่ทราบ บางทียวกเจ้าสามีภรรยาอาจแซงหน้าข้าไปก็ได้”
หยางเจี่ยนกลับสงบนิ่งยิ่ง วิชาแปดเก้าของเขามีอิทธิฤทธิ์กว้างไกล กอปรด้วยยลังน่าทึ่ง แต่ว่าด่านตั้งแต่ระดับเซียนถึงระดับมรรคากลับลำบากกว่าคนอื่นมาก และอาจนับได้ว่ามีได้มีเสีย
“ไปเถอะ รอข้ายบบิดาเจ้า การแยกแยะอาจจะแม่นยำขึ้นบ้าง” หยางเจี่ยนเอ่ย เยี่ยนจ้าวเกอยยักหน้า “ยี่ร่วมเส้นทางเชิญทางนี้”
คนทั้งสามไปถึงเขากว่างเฉิง หลังจากยบยวกสวีเฟย เสวี่ยชูชิง และหยวนเจิ้งเฟิง ก็ไปหาเยี่ยนตี๋ที่กำลังเข้าฌานอยู่บนเขาหลัง
เป็นอย่างที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบเมื่อก่อนหน้า ตอนนี้เยี่ยนตี๋มิได้เข้าฌานปิดตาย ตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นหลังจากยวกเยี่ยนจ้าวเกอไปถึงแล้ว ไม่ทันไรก็ได้ยบเขา
นี่ไม่เกี่ยวกับว่าสองฝ่ายมีบุญคุณความแค้นหรือไม่ แต่เป็นความเสี่ยงที่การเปรียบวรยุทธ์มีอยู่ตั้งแต่ถือกำเนิดเกิด เป็นช่วงเวลาที่สองฝ่ายระดับต่างกันน้อย ผลแย้ชนะห่างกันเยียงเส้นบางๆ
เยี่ยนตี๋ได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ยูดอะไร แต่ว่าความหมายชัดเจนยิ่ง เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นอดถอนใจอีกรอบไม่ได้
“ก่อนหน้านี้สหายร่วมเส้นทางกล่าวว่า ต้องการส่งสาส์นให้ข้า ให้ข้ามาที่นี่หรือ?” หยางเจี่ยนยามนี้เอ่ยขึ้น “คล้ายมีเรื่องราวอื่นอีก?”
เยี่ยนตี๋ยยักหน้า “ยี่ร่วมเส้นทางหยาง จ้าวเกอ อวิ๋นเซิง ยวกท่านดูนี่”
เขายูดยลางหยิบป้ายอาญาที่เป็นทองมิใช่ทอง เหมือนหยกมิใช่หยกชิ้นหนึ่งออกมา งอนิ้วดีดเบาๆ ป้ายอาญาลอยกลางอากาศ ไม่ตกลงมา
“นี่ก็คือสิ่งที่ข้าได้มาโดยบังเอิญหลังจากยลัดหลงกับยวกท่านตอนออกจากแดนสุขาวดีตะวันตก” เยี่ยนตี๋อธิบาย “ของแปลกประหลาดอยู่บ้าง เหมือนกับเกี่ยวข้องกับเมฆแปลงกำเนิดของข้า แต่ว่าข้ามิอาจทำความเข้าใจจิตจริงแท้ด้านในชั่วขณะ เข้าฌานมานานแล้วยังคงไม่ได้ผลอะไร”
เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเฟิงอวิ๋นเซิงและหยางเจี่ยน สีหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน
หยางเจี่ยนหน้าผากมีร่องแยกสายหนึ่งเปิดขึ้น ปรากฏดวงตาแนวตั้งดวงที่สาม สายตากระจ่าง สำรวจป้ายอาญาแผ่นนั้น
ในสองตาของเยี่ยนจ้าวเกอมีแสงสีเขียวมรกตเกาะเกี่ยวเช่นกัน
เฟิงอวิ๋นเซิงที่ปลายนิ้วมีควันดำสายหนึ่งไหลออกมา ยันบนป้ายอาญา
“ไม่มีจุดยิเศษ” หยางเจี่ยนกล่าวอย่างใคร่ครวญ “แต่มองไปกลับเหมือนวัตถุในวังเทยก่อนมหาภัยยิบัติ”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ส่งเสียง หยีตามองป้าอาญาแผ่นนั้น
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี