บนนพยมโลก สถานที่ที่คล้ายไม่อาจเอื้อมถึง บัวเขียวดอกหนึ่ง บัวขาวดอกหนึ่ง ประตูหยกบานหนึ่ง ระฆังโบราณใบหนึ่งปรากฏขึ้นตามลำดับ
ตอนนี้อามิตาภพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตไตรย เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ กษัตริย์บูรพาไท่อี้ ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาทั้งสี่ พากันลงมาถึงนพยมโลก
เขตมารนพยมโลกที่ตอนแรกเต็มไปด้วยแรงกดดัน ภายใต้การครอบคลุมของพวกเขา ความแปรปรวนเด่นชัดกว่าเดิม
ไม่เพียงแต่ชายฝั่งยมโลกกำลังหดหาย ถึงขั้นแม้แต่เขตมารนพยมโลกเริ่มสั่นไหวไม่สงบ
มีเพียงส่วนลึกของนพยมโลก ท้องทะเลผืนหนึ่งมีน้ำทะเลสีดำสนิท ยังคงราบเรียบดุจกระจก มองไม่เห็นคลื่นน้ำระลอกคลื่น ราวกับทวีปที่ผนึกตัวกัน
ด้านใต้ผิวมหาสมุทรสีดำอันราบเรียบ มิติเวลาซ้อนทับเปลี่ยนแปลง ยากจะทราบถึงเลศนัย
คล้ายกับว่าหาก ‘มุ่งลง’ ตลอดทาง จะเป็นโลกที่สูงล้ำใบแล้วใบเล่า
ยิ่งไปถึงส่วนลึก ยิ่งลี้ลับเก่าแก่ กระชากขวัญวิญญาณ และเหมือนสถานที่ที่ไม่อาจเอื้อมถึง ตั้งตรงข้ามกับเจ้ามรรคาทั้งสี่เหนือนพยมโลก
ณ ที่แห่งนั้น คล้ายมีเสาสิบสองต้นกระจายกันตั้งอยู่ เรียงกันไม่มีแบบแผน สูงต่ำหยาบละเอียดไม่เหมือนกัน ราวกับว่าไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ให้พูดถึง
บนเสาสิบสองต้นเดิมทีว่างเปล่า ตอนนี้ทั้งหมดล้วนมีภาพเงาเดี๋ยวสูญหายเดี๋ยวปรากฏ
โดยเฉพาะตรงกลางมีคันฉ่องสีดำใบหนึ่ง เงียบสงัดไร้เสียง สะท้อนภาพด้านนอกนพยมโลก
ถึงแม้เรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านนอกจะปรากฏแต่สายตา แต่ว่าสิบสองเทพมารสวรรค์บนเสาสิบสองต้นในส่วนลึกของหุบเหวทะเลมารนพยมโลก คล้ายมองไม่เห็น
เงาลวงมากมายบนยอดเสาต่างสาดประกายแสงสีแดงออกมา แดงฉานราวเลือด
ประกายโลหิตเหล่านี้พากันตกลงไปกลางความมืดด้านล่าง เหมือนลึกจนไม่เห็นก้น
แต่ว่าไม่ทันไร ประกายโลหิตที่เข้มข้นก็สะท้อนกลับมาจากเบื้องล่าง
เหมือนกับเลือดสดๆ เติมเต็มบึงเลือด ค่อยๆ ยกตัวขึ้น สุดท้ายเอ่อล้น ประกายโลหิตกลืนกินเสาสิบสองต้นนั้น
จากนั้นเห็นส่วนลึกของหุบเหวทะเลมารนพยมโลก ประกายโลหิตทะลัก เกาะเกี่ยวกันเป็นอักขระอาคมที่มีสิบสองขีดกลางอากาศ มองไปเรียบง่าย แต่ลี้ลับไร้ขอบเขต
ทะเลเลือดที่ยิ่งใหญ่ แสงสว่างสาดขึ้นด้านบน ทะลุหุบเหว ทะลุผิวทะเลของทะเลดำ ทะลุเขตมารนพยมโลก
ผู้คนที่รวมกันอยู่ด้านนอกเขตมาร ถูกประกายโลหิตนั้นส่องใส่ ต่างเกิดความรู้สึกอึดอัด
ถึงจะเป็นผู้อยู่บนมหาชาล ถูกประกายโลหิตสาดใส่ จิตใจเกิดความหงุดหงิดรุ่มร้อน
“ดูถูกไม่ได้จริงๆ ด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งสร้างความมั่นคงให้แก่สภาพจิตใจของตัวเอง ทางหนึ่งสังเกตเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้าง
เทียบกับคนอื่นๆ เฟิงอวิ๋นเซิงสบายกว่ามาก
นี่ไม่เกี่ยวกับพลังของนาง แต่เป็นเพราะว่าการเชื่อมต่อระหว่างนางกับนพยมโลกยังไม่ขาดสะบั้น
เฟิงอวิ๋นเซิงมิได้หงุดหงิดรุ่มร้อนเหมือนคนอื่นๆ กลับมีความรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกได้ว่าประกายโลหิตนั้นกำลังดึงดูดนาง ทำให้นางอดเกิดความคิดเข้าหามันไม่ได้
นี่ย่อมเป็นสภาพที่ไม่ปกติอย่างหนึ่ง
เฟิงอวิ๋นเซิงรักษาความกระจ่างในจิตใจ กดทับการสั่นไหวที่แปลกประหลาดนั้น
นางสัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ส่ายหน้าเบาๆ บอกว่าตัวเองไม่มีอุปสรรคใหญ่โต
ผ่านไปหลายปี บ้างเป็นนางคลำทาง บ้างเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับหยางเจี่ยนช่วยเหลือ ต้องการสะกดผลกระทบหลงเหลือจากนพยมโลกเพิ่มมาโดยตลอด สิ่งที่ได้มาเป็นที่เห็นได้
“เช่นนั้นก็ดี” เห็นเฟิงอวิ๋นเซิงไม่เป็นไร เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเอ่ย “ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเราจะลงมือ อดทนรอคอยไปก่อน”
เขาเงยหน้ามองด้านบนนพยมโลก มองบัวเขียว บัวขาว ประตูหยก ระฆังโบราณที่ลอยอยู่ตรงนั้น
อามิตาภพุทธเจ้ามีการเคลื่อนไหวเป็นคนแรก
ปรากฏสารีริกธาตุชิ้นหนึ่งบนดอกบัวสีเขียว สารีริกธาตุเปล่งแสงที่ไม่โดดเด่นสายหนึ่งออกมา
แต่ว่าแสงนั้นส่องผ่านนพยมโลก สาดไปในหุบเหวลึก ถึงกับทะลุทะเลเลือด ส่องใส่เสาสิบสองต้นนั้น
เส้นแสงหาคันฉ่องสีดำเจออย่างแม่นยำ ส่องใส่ผิวคันฉ่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี