ประกายกระบี่สีทองหม่นบนร่างเนี่ยจิงเสินถดถอยไม่หยุด เหมือนถูกการดำรงอยู่ไร้รูปร่างขจัดทิ้งต่อเนื่อง
‘จ้าวเกอตระเตรียมวินาทีนี้มาโดยตลอด’ หยางเจี่ยนเห็นดังนั้น รำพึงในใจ
มีคำกล่าวว่ามารโปรดสรรพสัตว์ ผู้ที่ได้มารกรอกศีรษะ กลายร่างเป็นมาร เมื่อเหยียบก้าวหนึ่งออก จะหันหลังไม่ได้อีก
เพียงแต่เนี่ยจิงเสินมีสถานการณ์พิเศษ เป็นก่อนกำเนิดชั่วกาลนาน ไม่กลายเป็นร่างหลังกำเนิด ส่วนมารทองแกหนึ่งในหกสุดยอดมาร เป็นมารที่กำเนิดพร้อมฟากฟ้า ปรากฏพร้อมกับธรรมชาติฟ้าดิน
เพราะแบบนี้มันจึงใช้เนี่ยจิงเสินเป็นเปลือกร่าง แม้นสำเร็จ แต่ถึงที่สุดแล้วเหลือช่องโหว่วสายหนึ่ง
เพียงแต่คนอื่นๆ ยากจะใช้ ดังนั้นช่องโหว่วจึงไม่กลายเป็นช่องโหว่ว
น่าเสียดายวันนี้กลับพบคนที่คว้าช่องโหว่วนี้ได้!
เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนย้ายเมฆาไร้ขอบเขตบรรพกำเนิดโกลาหลให้เนี่ยจิงเสิน ประสานในนอกกับสภาพโกลาหล
จากนั้นเขาใช้สภาวะฟ้าดินมรรคากู่ร้องพร้อมกัน ชำระล้างเนี่ยจิงเสินในพริบตาที่ตนฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิด ขึ้นสู่มหาชาล
ในฐานะเซียนกำเนิดสุญญตาที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา นี่เป็นวาสนาที่เยี่ยนจ้าวเกอนำมา อดีตและปัจจุบันไม่มีซ้ำสอง คว้าโอกาสเพียงพริบตาที่ไม่มีอีกแล้ว
จังหวะเวลาครั้งนี้ถ้าพลาดไป หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสำเร็จระดับเซียนสวรรค์มหาชาล ก็ยากจะทำซ้ำ
อวี่เย่ที่อยู่อีกด้าน ร่างเปลี่ยนเป็นพร่ามัวไม่ชัดเจนเช่นกัน ดุร้ายสุดขั้วโหดเหี้ยมสุดขั้ว ราวกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนร่างมนุษย์ฉบับย่อตัว
เยี่ยนจ้าวเกออ้าปากพ่นปราณพิสุทธิ์สายแล้วสายเล่าออกมา แผ่พุ่งอยู่รอบๆ ตัว
เขาเปิดสมอง เอกจิตลอยออกมา แยกหนึ่งเป็นสอง สามรวมเป็นหนึ่ง เดี๋ยวแยกเดี๋ยวรวม ลี้ลับยากหยั่งคาด
“เต๋า คัมภีร์ ครูอาจารย์ หยกพิสุทธิ์ เหนือพิสุทธิ์ เอกพิสุทธิ์ หนึ่งปราณไหลเคลื่อน สามเทพเปลี่ยนตาม แสงมืดสลัว ไม่กล่าวหากเคลื่อนไหวสี่เวลา รูปแท้ว่างเปล่า ไร้ขอบเขตกำเนิดสามขอบเขต บนสวรรค์มหาชาล ในตำหนักทอง ว่างเปล่าเป็นธรรมชาติ เทวกษัตริย์สามพิสุทธิ์สามขอบเขตสามรัตนะ”
เสียงสรรเสริญโองการสามพิสุทธิ์ดังขึ้น เสียงมหามรรคาหลายกลุ่มสั่นสะเทือนฟ้าดิน ไม่ว่าเขตมารนพยมโลกหรือท้องฟ้าอวกาศรอบนอก ตอนนี้ต่างส่งเสียงขึ้นเพราะมัน
เยี่ยนจ้าวเกอทั่วทั้งร่างเปล่งบุปผาแสงพร่างพราว กอปรเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้
ภัยพิบัติฟ้ากำเนิด!
ภัยพิบัติฟ้ากำเนิดที่รุนแรงสุดเปรียบปาน!
ภัยพิบัติที่แข็งแกร่งซึ่งคนทุกคนที่อยู่รอบๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน!
ทุกคนสำนึกตัวว่า หากเปลี่ยนไปอยู่บนตำแหน่งของเยี่ยนจ้าวเกอ เซียนกำเนิดสุญญตาทะลวงสู่เซียนสวรรค์มหาชาล เผชิญกับภัยพิบัติฟ้ากำเนิดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เกรงว่าจะมีแต่ตกตายเป็นธุลี เจอเส้นทางตายสถานเดียว
ทว่าเปลวไฟที่รุนแรงนั้น ลุกขึ้นแวบเดียวบนร่างเยี่ยนจ้าวเกอแล้วหายไป
ปราณพิสุทธิ์สามสายห้อมล้อมเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้เขาเหมือนกระโดดออกจากโลกนี้ ยืนอยู่ด้านนอกเพียงผู้เดียว
บุปผาจิต บุปผาปราณ ผนึกรวมบุปผาแสงดอกที่สามบนศีรษะเขา!
สามบุปผาบนกระหม่อม ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด!
ร่างมหาชาลเซียนสวรรค์ ไม่เสื่อมสลายหลุดพ้นซึ่งทุกสิ่ง
ระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล!
ในเสียงเพลงมรรคาที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ร่างเยี่ยนจ้าวเกอหายไปในปราณพิสุทธิ์
ปราณพิสุทธิ์สามสายผนึกรวมเป็นหนึ่งปราณ กลับคืนสู่ความไม่มี
ความไร้ขอบเขตเคลื่อนไหวครั้งแรก ความขมุกขมัวแยกตัวครั้งแรก เบิกฟ้าผ่าดิน ธรรมาชาติกำเนิด
ต่อมากำหนดสองลักษณ์สี่สภาพ กำหนดสังสารวัฏหกวิถี กำหนดการเติบโตของหมื่นวัตถุ กำหนดการเปลี่ยนแปลงสภาพขมุกขมัว…
กาลเวลาผันผ่าน มหาสมุทรแห้งเป็นผืนนา ยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติไหลเชี่ยวไปด้านหน้า จนกระทั่งยุคสิ้นธรรมมาถึง หมื่นวัตถุดับสูญ
สุดท้ายทุกสิ่งกลับคืนสู่ความไม่มี ไม่มีหน้าหลัง ไม่มีเริ่มต้นสิ้นสุด ไม่มีเช้าเย็น ไม่มีเหตุผล ไม่มีลวงจริง…
สร้างธรรมชาติอีกแผ่นผืนในความว่างเปล่า วัฏจักรสำเร็จ หยุดนิ่ง ทำลาย ว่างเปล่าวงใหม่ วนเวียนเช่นนี้ มีแต่มหามรรคาคงอยู่ชั่วกาล
ใต้ก้นทะเลเลือดที่เกิดจากค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ อามิตาภพุทธเจ้าสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง
มารสวรรค์บรรพกำเนิดกับมารสวรรค์ไร้พันธนา สายตาเป็นประกายเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี