สัมภาระทั้งหมดของเยี่ยจิ่งสลายไปพร้อมกันกับร่างกายของเขา
แม้แต่อาวุธวิเศษระดับล่างที่เขาพกติดตัวก็ล้วนแต่ถูกหุบเหวกลืนกินไปจนหมดสิ้น ที่ยังคงหลงเหลือรอดมาได้มีเพียงแหวนสีแดงคล้ำมหัศจรรย์วงนั้น และแผ่นป้ายโลหะที่ตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วลูบคลำแผ่นป้ายโลหะ พลางกล่าวในใจว่า ‘ของชิ้นนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่’
ส่วนเชื้อไฟสัจจะอัคคีที่ได้มาในที่สุดนั้น ทำให้การเดินทางมาหุบเหวปราการมังกรครั้งนี้ นับได้ว่าไม่เสียเที่ยวเลยทีเดียว
หลังจากคุ้มกันลูกศิษย์ร่วมสำนักทุกคนผ่านมรสุมในปราการมังกรออกมาได้ เยี่ยนจ้าวเกอรีบรวมกลุ่มกับองครักษ์ชุดดำของตนเอง ก่อนจะเสาะหาหน้าผาแห่งหนึ่ง แล้วกางข่ายอาคมแน่นหนาเพื่อหลบภัย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ลมพายุจึงค่อยๆ สงบลง
ทุกคนออกมาจากที่หลบภัยแล้วก็ต้องอึ้งงันไป เพราะปราณพิษทำให้ช่องว่างบิดเบือนไป แม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ภายในปราการมังกร แต่สภาพแวดล้อมรอบด้านไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
“เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะให้พวกเจ้าจะอยู่ในปราการมังกรอีกต่อไป ภารกิจการฝึกฝนในส่วนของพวกเจ้าครั้งนี้จบลงแล้ว ตามข้าออกไปด้านนอก”
ศิษย์ของเขากว่างเฉิงล้วนแต่รีบพยักหน้าตอบรับ
เรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาตั้งสติไม่ทัน จนถึงตอนนี้หัวสมองของหลายๆ คนยังคงว่างเปล่า
แม้ว่าสำนักเขากว่างเฉิงจะมียอดฝีมือในระดับปรมาจารย์อยู่ไม่น้อย แต่ลูกศิษย์เยาว์วัยทั้งหมดต่างก็ยังไม่เคยเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างมหาปรมาจารย์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน
ขณะเดียวกับที่ทุกคนได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นนั้น ในใจก็ยังมีความหวาดผวาหลงเหลืออยู่
สิ่งที่เยี่ยจิ่งประสบ ก็ส่งผลให้ทุกคนรู้สึกโศกเศร้าเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอมองพวกเขาครั้งหนึ่ง “การประสบเคราะห์ร้ายครั้งนี้ของศิษย์น้องเยี่ย เป็นหรือตายยังไม่แน่ชัด แต่จากชะตาชีวิตของเขาไม่ใช่คนอายุสั้น อาจเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นความโชคดีก็ได้”
คนอื่นๆ ต่างพากันตกตะลึงไปเล็กน้อย พวกเขาเห็นเพียงเยี่ยจิ่งตกลงไปในหุบเหวปราการมังกรเพราะการจู่โจมของหัวหน้าค่ายชื่อหลิง และหลังจากมีหมอกดำบดบังเอาไว้ ทำให้พวกเขามองไม่เห็นเรื่องราวหลังจากนั้น ได้ยินเสียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “หากจะพูดถึงเรื่องความเป็นตายของศิษย์น้องเยี่ยในตอนนี้ ยังถือว่าเร็วเกินไป”
ทุกคนถอนหายใจครั้งหนึ่ง ด้วยปกติแล้วพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับเยี่ยจิ่งในระดับธรรมดา และมีคนมากมายที่มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับเขาด้วย
แต่ความรู้สึกทำอะไรไม่ได้และได้แต่ยืนอยู่เฉยๆ ในยามที่เผชิญหน้ากับการจู่โจมของปรมาจารย์ ทำให้พวกเขาศิษย์รุ่นเยาว์เกิดความรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา
พวกเขาในตอนนี้เชื่อถือและศรัทธาในตัวเยี่ยนจ้าวเกอมาก เมื่อได้ศิษย์พี่เยี่ยนบอกว่าเยี่ยจิ่งอาจจะยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็รู้สึกวางใจลงได้ในทันที
เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่อว่า “แต่ข้าคิดไม่ถึงเลย ว่ามหาปรมาจารย์ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาก่อนหน้านี้จะเรียกศิษย์น้องเยี่ยฉันท์พี่น้อง เหนือความคาดหมายของข้ามากทีเดียว”
ตอนนี้ศิษย์ร่วมสำนักมีสภาพจิตใจสงบลงแล้ว ครั้นคิดทบทวนอีกครั้ง พวกเขาพลันรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
แววตาของซือคงจิงวูบไหวเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอจึงทอดสายตามองไปที่นาง “ศิษย์น้องซือคงเหมือนจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างสินะ”
“คนแซ่หานผู้นั้น มีความแค้นในอดีตกับท่านผู้อาวุโสเหยียน ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออกของสำนักเรา เขาเป็นมหาปรมาจารย์ที่มีนิสัยฉุนเฉียว อารมณ์ร้อน และฝึกยุทธ์มืดและกร้าวแข็ง หากข้าจำไม่ผิดเขาก็คือเฒ่ามารหัวขวาน หานเซิ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอจึงพูดว่า “ตาเฒ่าผู้นี้หายสาบสูญไปหลายปีแล้ว ผู้อาวุโสเหยียนเป็นศัตรูคู่แค้นของเขา ครั้งนี้จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวใกล้กับถังตะวันออก จำเป็นต้องจับตามองให้ดีเสียแล้ว”
ซือคงจิงเงียบงันไปครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับอย่างชัดเจนว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยท่องเที่ยวมายังอาณาจักรถังตะวันออก และเคยเดินทางไปยังเทือกเขามฤคลับตาที่อยู่ติดกับปราการมังกร และได้พบกับอันตรายเข้าจนหมดสติไป”
“ต่อมาได้ศิษย์น้องเยี่ยที่ตอนนั้นยังไม่ได้เข้าร่วมสำนักช่วยเหลือเอาไว้ ทว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเฒ่ามารหัวขวานนั่น ข้าไม่รู้เลยจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี