เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเสาหินครึ่งท่อนที่แตกหักนั่น ในใจรู้สึกอิ่มเอิบอย่างยิ่งยวด
สำหรับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในตอนแรก เยี่ยนจ้าวเกอจดจำขึ้นใจเสมอมา การที่มีโอกาสสัมผัสร่องรอยซากวิกฤตการณ์ เป็นเรื่องที่เขารู้สึกสนใจอย่างยิ่งยวด
ทว่าเท่าที่เขารู้ จนถึงปัจจุบัน โลกแปดพิภพดูเหมือนจะไม่เคยปรากฏร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับพระราชวังมาก่อน
หนึ่งเดียวที่คล้ายกับจะจริงทว่าก็เหมือนกับไม่จริง คือการสืบทอดของเขากว่างเฉิงที่ตนอยู่ในตอนนี้ ใกล้เคียงกับวังเทพในช่วงเวลาอันคลุมเครือ เพียงแต่ว่ายังต้องรอการยืนยัน
นอกจากนี้แล้ว ตามข้อมูลข่าวสารที่เยี่ยนจ้าวเกอมีในขณะนี้ โลกแปดพิภพตั้งแต่หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ จนถึงปัจจุบัน ก็ไม่มีร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับวังเทพอีกเลย
เสาหินแตกหักท่อนนี้ที่ปัจจุบันโผล่ขึ้นมาในมหาทะเลทราย ณ วายุพิภพ กลับเป็นเศษซากที่เหลือหลังจากเสาทางเดินของวังเทพแต่กาลก่อนแตกหัก
สิ่งนี้ทำให้จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอพลันร้อนรุ่มขึ้นมา
ตนอยากจะสืบหารายละเอียดของวิกฤตการณ์ใหญ่ในอดีตมาโดยตลอด เทียบกับร่องรอยอื่นแล้ว ร่องรอยของวังเทพมีคุณค่ามากยิ่งกว่า
แม้ว่าโดยรูปลักษณ์ เสาหินจะพังเสียหายไปแล้ว กระนั้นเทียบกับร่องรอยอื่นๆ ส่วนใหญ่ กลับสามารถเก็บรักษาเบาะแสและข้อมูลได้มากยิ่งกว่า
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองเสาหินที่อยู่ในภาพลวงตาเงาแสงอย่างตั้งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็เอ่ยกับพวกหยวนเจิ้งเฟิงว่า “ลวดลายทั้งซับซ้อนทั้งเก่าแก่โดยแท้ คิดจะถอดความหมาย ยากเป็นอย่างยิ่งขอรับ”
“เพียงแต่ว่า จู่ๆ ข้าก็มีความคิดบางอย่าง แต่ตอนนี้ยังไม่กล้าเอ่ยว่ามีความมั่นใจมากเท่าใด และจะสามารถนำเสาหินกลับมาได้หรือไม่?”
“หากได้ของจริงอยู่ในกำมือ คิดทบทวนอย่างละเอียด โอกาสถอดความหมายยิ่งสูงกว่า”
ผู้อาวุโสเหอส่ายศีรษะเล็กน้อย “เจ้าเองน่าจะรู้จักมหาทะเลทรายแดนตะวันตกของวายุพิภพ สถานการณ์ที่นั่นซับซ้อนเป็นอย่างมาก จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ล้วนยากจะทำตามอำเภอใจ”
นางก็กลัดกลุ้มใจอยู่บ้างเช่นกัน “เสาหินนั่น พัวพันยุ่งเหยิงอยู่กับพลังธรรมชาติของมหาทะเลทรายแดนตะวันตก ยากจะนำมันออกมาได้ ทำได้แค่เพียงปล่อยมันไว้ที่เดิม”
มุมปากเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกเล็กน้อย
ความหมายคือ ตนเองต้องรุดหน้าไปหาเสาหินที่ตนเองใคร่เห็นด้วยตัวเอง?
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าว “มีแนวคิดไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องราวไม่ได้รีบเร่ง ฤดูกาลปัจจุบันนี้ เป็นช่วงที่พายุนิมิตทมิฬของมหาทะเลทรายแดนตะวันตกรุนแรงที่สุด จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เข้าไปล้วนยังยากจะยึดครองความได้เปรียบ”
“รอให้ผ่านไปสองสามเดือน หลังพายุนิมิตทมิฬเบาลงแล้ว ค่อยเข้าไปเถิด”
“ร่องรอยนั่นรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมหาทะเลทรายแดนตะวันตก ถึงแม้ว่ายากจะขุดค้นเคลื่อนย้ายก็ตาม แต่พวกเราขุดไม่ได้ คนอื่นก็ขุดไม่ได้เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้อื่นทำลายอีกด้วย”
เจ้าสำนักมองเยี่ยนจ้าวเกอ “จ้าวเกอเองก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบจนเกินไปนัก จำเรื่องราวให้ขึ้นใจไว้ก็พอแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ หยุดถ่ายปราณจิตราเข้าสู่ผลึกหิน ภาพลวงตาเงาแสงเบื้องหน้าพลันสลายหายไป
ชายหนุ่มมองดูเสาหินที่ค่อยๆ หายไปอยู่ตรงหน้า แววตาของเขาหยั่งลึกและเงียบสงัดอยู่บ้าง
สำหรับคนอื่นแล้ว นี่เป็นซากร่องรอยวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่ยากจะถอดความหมายทำความเข้าใจ
ทว่าสำหรับตนเองแล้ว นี่เป็นลูกกุญแจที่จะไขเรื่องราวอันยากจะเข้าใจ เป็นการวางแผนเพื่ออนาคตตนเอง ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นจังหวะโอกาสอันดีเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลงชั่วครู่ บางทีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีที่จะนำเสาหินออกมาจากภายในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกเลย…
เพียงแต่ว่าเป็นดังเช่นหยวนเจิ้งเฟิงกล่าว ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน ภัยธรรมชาติเช่นพายุนิมิตทมิฬนี้ บ่อยครั้งที่ไม่ใช่พละกำลังมนุษย์จะสามารถต้านทานได้จริงๆ
มหาปรมาจารย์ที่ถูกพายุนิมิตทมิฬฉีกเป็นชิ้นๆ ล้วนไม่รู้ว่ามากเท่าไรแล้ว
ปีที่แล้วๆ มาสำนักเขานิมิตทมิฬ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์วายุพิภพหวังมาโดยตลอด ว่าจะสามารถควบคุมมหาทะเลทรายแดนตะวันตก และภัยพิบัติมากมายของที่แห่งนั้นให้ได้โดยสิ้นเชิง
กระนั้นจวบจนพวกเขาดับสูญสิ้นสุดลง ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จจริงๆ มาก่อน
เขตอิทธิพลที่ปัจจุบันสำนักเขากว่างเฉิง สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และสำนักเขาไร้พรมแดนแบ่งฮุบดินแดนวายุพิภพ แท้จริงแล้วล้วนก็เป็นการยึดครองสถานที่ที่สามารถบุกเบิกได้ พื้นที่แห้งแล้งขาดน้ำเหมือนเช่นมหาทะเลทรายแดนตะวันตกนั้น ควบคุมไว้เพียงแค่บริเวณรอบนอกเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี