เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเฟิงอวิ๋นเซิง มองไม่เห็นความใจร้อนจากในแววตาของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เพราะภายในนั้นมีแต่ความใจเย็นหนักแน่นแน่วแน่
เฟิงอวิ๋นเซิงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ทางเลือกของข้า ข้ารับผิดชอบเอง”
“…วิธีน่ะ มีอยู่จริงๆ ” เยี่ยนจ้าวเกอนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงกล่าวอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่ไร้ซึ่งเหตุผล และยิ่งไม่ใช่แสร้งลำบากใจ เพื่อให้เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยปากขึ้นมาเอง
ถึงแม้ว่าครั้งนี้เขาจะยังมีวิธี ทว่ากลับไม่อยากใช้จริงๆ
“เจ้าอย่าเพิ่งตัดสินใจเด็ดขาดเสียดีกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะเชื่องช้า “เคยได้ยินเข็มแกนน้ำแข็งหรือไม่”
หญิงสาวฉงนสนเท่ห์อยู่บ้าง เขจึงกล่าว “ไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก แต่เจ้าน่าจะเคยได้ยินตะเกียงจุดวิญญาณกระมัง?”
เรื่องนี้เฟิงอวิ๋นเซิงเคยได้ยินมาก่อนจริงๆ นางกล่าว “ก่อนวิกฤตการณ์ ในตำนานเล่าว่าเป็นการลงโทษอันโหดร้ายทารุณ ทำให้ผู้คนต้องการจะมีชีวิตก็ไม่ได้ ร้องขอจะตายก็ไม่ได้ ได้รับความทุกข์ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ตลอดกาล”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ จากนั้นจึงมองเฟิงอวิ๋นเซิงลึกลงไปแวบหนึ่ง “ก่อนวิกฤตการณ์ ทั้งเข็มแกนน้ำแข็งและตะเกียงจุดวิญญาณ จัดอยู่ในเจ็ดมหาโทษทัณฑ์”
“วิธีนี้ทำให้ไขกระดูกผู้คนบังเกิดความเย็นยะเยือกจากภายในสู่ภายนอก แต่ความหนาวเย็นกลับไม่ทำให้ผู้คนด้านชา กลับจะทุกข์ทรมานประหนึ่งเข็มแหลมคมนับร้อยล้านเล่มแทงทะลุพร้อมๆ กันก็ไม่ปานเสียด้วยซ้ำไป”
“ขณะที่รับโทษ ความรู้สึกนึกคิดของผู้คนจะยิ่งตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา อยากจะหมดสติสิ้นชีพไปล้วนเป็นไปไม่ได้”
เขาเอ่ยเสียงเบาว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่อาศัยเพียงจิตตานุภาพเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เพียงอย่างเดียว ก็กัดฟันทนจนผ่านไปได้ เพราะว่าไม่ใช่แค่เพียงร่างกายเท่านั้น วิญญาณของผู้ได้รับโทษก็จะเป็นรูพรุนเนื่องด้วยเข็มเย็นเช่นกัน อ่อนแอแต่กลับจะไม่ตาย ได้รับความทุกข์ทรมานไปจนนิรันดร์ ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั่วร่างทั้งภายในและภายนอก ทุกๆ ที่”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าข้าจะใช้เข็มเป็นร้อยเป็นพันเล่มแทงเจ้าในทุกๆ ที่ ไม่ได้หมายความว่าทุกรูขุมขนหรือทุกจุดลมปราณจะถูกเข็มแทง กระจัดกระจายทั่วร่าง โดยไร้ที่ว่างใดๆ พร้อมทั้งความเจ็บปวดรวดร้าวจากภายในสู่ภายนอกเช่นนั้น”
ชายหนุ่มกวาดสายตามองเฟิงอวิ๋นเซิงตั้งแต่หัวจรดเท้า “ร่างกายคนมีส่วนที่แรงอดกลั้นสูง และก็มีส่วนที่เปราะบางเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นบริเวณลูกตาของเจ้า เป็นต้น”
“แต่เข็มแกนน้ำแข็งจะไม่สนจุดเหล่านี้ มันจะใส่ใจทุกจุดทั่วร่างเจ้า ฉะนั้นบริเวณที่ยิ่งเปราะบาง ก็จะยิ่งเจ็บปวดทรมาน”
เฟิงอวิ๋นเซิงฟังเยี่ยนจ้าวเกอพูดบรรยายอย่างเงียบสงบ
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “และเนื่องด้วยจันทรากายของเจ้า ฉะนั้นความเจ็บปวดที่เจ้าเผชิญกับเข็มแกนน้ำแข็งจะยิ่งรุนแรงกว่าคนทั่วไป”
“วิธีนี้สามารถเสริมพลังจันทรากายของเจ้าให้แกร่งขึ้นได้อย่างแท้จริง ในทางกลับกันถึงขั้นเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนวรยุทธ์ปกติของเจ้า โดยผ่านจันทรากาย ทำให้พลังฝึกปรือเจ้าพัฒนาเร็วขึ้นอีกขั้นหนึ่ง แต่เงื่อนไขแรกคือเจ้าต้องอดทนต่อความเจ็บปวดของมันได้”
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวจบ ก็ปิดปากเงียบไม่พูดจา
เขาไม่ได้คิดจะใช้วิธีนี้ตั้งแต่แรก ยอมให้เฟิงอวิ๋นเซิงพัฒนาได้ช้าลงเสียบ้าง รอคอยไปอีกปีสองปี
แท้จริงแล้วหากไม่ได้รู้ว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กำลังเสาะหาวิชาหยินหยางค้ำจุนช่วยเมิ่งหว่านพัฒนาเช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอจะยังคงไม่พิจารณาใช้วิธีนี้ แต่ทดลองคิดหาหนทางอื่นแทน
เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจนักว่าหญิงสาวเบื้องหน้าจะยืนหยัดทนได้หรือไม่
“ข้ายินดีลองดู” ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะพูดจบ เฟิงอวิ๋นเซิงก็กล่าวตอบอย่างสงบนิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองนาง อีกฝ่ายพลันเซิงยิ้มแย้ม “ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นใดแล้ว ถูกต้องหรือไม่?”
“กาลเวลาไม่คอยผู้ใด ถ้าหากศิษย์พี่เยี่ยนมีวิธีที่ดีกว่านี้ แน่นอนว่านั่นดีที่สุด ก่อนจะถึงเวลานั้น ก็ให้ข้าลองเข็มแกนน้ำแข็งนี้ก่อนก็แล้วกัน”
ขณะที่เฟิงอวิ๋นเซิงขาดการฝึกฝนเป็นเวลาถึงสองปี เมิ่งหว่านเป็นหญิงสาวแห่งจันทราที่ยอดเยี่ยมที่สุด เดิมที่ก็รุดนำหน้าไปแสนไกลแล้ว
บัดนี้เมิ่งหว่านเองก็ใช้วิชาหยินหยางค้ำจุนยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นเช่นกัน เฟิงอวิ๋นเซิงและสำนักเขากว่างเฉิงต้องการจะไล่ตามให้ทัน ความหวังเปลี่ยนเป็นเลือนรางฉับพลัน
จุดเริ่มต้นทั้งสองฝ่ายต่างกันจนเกินไปแล้ว อีกทั้งล้วนกำลังรุดหน้าไป เฟิงอวิ๋นเซิงจำเป็นต้องพัฒนาให้เร็วกว่าเมิ่งหว่านอย่างมาก จึงจะไล่ตามทัน
ไม่เช่นนั้นแม้ว่าจะเร็วกว่า แต่ความเร็วก็มีจำกัด เช่นนั้นหากรอจนถึงตอนที่ไล่ตามทัน ก็ไม่รู้ได้ว่าจะต้องรอไปจนเมื่อใด
สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในระยะเวลาอันสั้น ไม่มีเวลามากมายเช่นนั้นให้นางกับสำนักเขากว่างเฉิงแล้ว
เบ้าตาดำคู่หนึ่งของพ่านพ่าน มองดูขนาดร่างของโร่วโร่ว แล้วจึงก้มหน้ามองตัวเองอีกครั้ง
มันแกว่งหัว ส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนที่บนร่างจะมีเพลิงขาวน้ำดำพรั่งพรู ห่อหุ้มมันเอาไว้
ชั่วขณะถัดมา เพลิงและน้ำสลายไป จึงเห็นว่าพ่านพ่านที่แต่ไรมีขนาดตัวเหมือนหมีสยงเมาธรรมดาทั่วไป กลับร่างกายหดเล็กลงอีกครั้ง
ลักษณะภายนอกยังเหมือนเช่นหมีสยงเมาตัวเต็มวัยไม่มีผิด ไม่ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นหมีสยงเมาแรกเกิดที่ไม่มีขนแต่อย่างใด เพียงแค่อัตราส่วนร่างกายหดเล็กลงอย่างมากเท่านั้น เปลี่ยนเป็นขนาดที่ไม่ต่างจากโร่วโร่วมากนัก
จากนั้นพ่านพ่านจึงส่งเสียงร้องเบิกบาน ร่างอันอุ้ยอ้ายคล้ายก้อนขนน้อยก็ไม่ปานดีดตัวขึ้นจากพื้น กระโดดขึ้นไปอยู่ในอ้อมอกของเฟิงอวิ๋นเซิงเช่นกัน
โร่วโร่วเบิกตาโพลงฉับพลัน มองไปยังเจ้าของของตัวเองด้วยความประหม่า ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ มือทั้งสองข้างอุ้มพวกมันเอาไว้ข้างหนึ่งตัวหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูภาพฉากนี้ แววตามีความว้าวุ่นอยู่บ้าง
ก้นบึ้งจิตใจเขาพลันผุดความคิดหนึ่งออกมาอย่างฉับพลันยิ่ง
หากตนเองแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย มีความสามารถกว่านี้อีกหน่อย มีวิธีมากกว่านี้อีกหน่อย ให้หญิงสาวผู้เข้มแข็งและงดงามไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่เล่นกับพ่านพ่านและโร่วโร่วอย่างสบายใจ
ชายหนุ่มส่ายศีรษะน้อยๆ สงบจิตใจลงอีกครั้ง แววตาไม่ว้าวุ่นอีกต่อไป
เขาอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้ม ‘ให้คนอื่นไปทั้งหมด ตนเองกลับไม่ทุ่มความพยายาม ลักษณะเช่นนั้น เกรงว่านางเองกลับจะจิตตกอยู่บ้างกระมัง’
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิง แล้วส่ายศีรษะเบาๆ “แม้ว่าจะมีสำนวนพูดที่ว่า สวรรค์ย่อมตอบแทนคนขยันหมั่นเพียร แต่คนที่พยายาม ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับการตอบแทน เหตุการณ์เช่นนี้ ข้าพบเห็นมามากยิ่งนักแล้ว”
“แต่เจ้าจะได้สวมมุงกฎแห่งจันทราเป็นแน่”
……….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี