เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นคนหนุ่มสองคนกำลังค้อมคำนับมาทางตนพร้อมกัน
ชื่อและสมญานามของตระกูลเหลียนแห่งเกาะทราย เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ยินมาตอนที่ผ่านมาทางวายุพิภพครั้งนี้เช่นกัน พวกเขาเป็นขุมกำลังระดับสองในเขตแดนเกาะทรายซึ่งพึ่งพาอาศัยพรรคกระบี่วายุคำราม
ในขอบเขตการควบคุมปกครองของตระกูลแซ่เหลียน มีน้ำพุทรายมรกตบ่อหนึ่ง มีชื่อเสียงประปราย คุณค่าไม่ธรรมดา สำนักเขากว่างเฉิงมีผู้อาวุโสปฏิบัติกิจตั้งมั่นอยู่ที่นั่น ทุกๆ ปีจะแบ่งส่วนจากน้ำพุมาให้ส่วนหนึ่ง
ทว่าความเข้าใจของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีต่อตระกูลเหลียน ก็จำกัดอยู่เพียงประมาณเท่านี้
ชายหนุ่มหันกลับไปมองจวินลั่ว อีกฝ่ายกล่าว “ข้ารู้จักกับเหลียนหยิงและเหลียนเฉิงมาตั้งแต่ยังเล็ก ออกมาคราวนี้ก็ไม่คิดว่าจะได้พานพบพวกเขา พวกเขาถูกคนจู่โจม ข้าก็เลยช่วย”
“หลังโจมตีศัตรูจนล่าถอย พวกข้าทั้งสามคนกลับถูกพายุปิดล้อมไว้ โชคดีที่พวกท่านผ่านมา”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเอ่ย “ครั้งนี้เจ้ากลับเป็นหญิงงามช่วยวีรบุรุษเสียอย่างนั้น”
จวินลั่วย่นจมูกน้อยเบาๆ ทั้งยังยิ้มกล่าว “นั่นก็ใช่”
เขาหลุดหัวเราะพลางส่ายศีรษะ แล้วหันไปมองพี่น้องตระกูลเหลียนอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองก็เป็นคนหนุ่มที่ดูมีกิริยาสุภาพ ร่างกายบอบบางอยู่บ้าง
หากต้องพูดขึ้นมาจริงๆ ละก็ แม้ว่าจะยังเป็นขั้นจอมยุทธ์ระดับหลอมกายทั้งหมด ระดับขั้นพลังฝึกปรือมีจำกัด กระนั้นก็เอาชนะชายร่างแข็งแรงกำยำทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกยุทธ์ได้ขาดลอยเช่นกัน
ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกของสองพี่น้องนี้ กลับให้ความรู้สึกอ่อนโยนบอบบาง
เทียบอุปนิสัยเฉพาะตัวกับเพศชายที่อ่อนโยนแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นมาไม่น้อยแล้วเช่นกัน เพียงแต่สองพี่น้องร่วมตระกูลที่ล้วนออกมาเหมือนกันเช่นนี้ กลับพบไม่บ่อยนัก
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ลั่วลั่ว ข้าเข้ามาในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกคราวนี้ เพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการ หากพาพวกเจ้าร่วมเดินทาง ไม่เพียงแต่จะไม่สะดวกแล้ว กลับยังจะทำให้พวกเจ้ายิ่งอันตรายเสียด้วยซ้ำไป เพราะข้าต้องเข้าไปลึกในมหาทะเลทรายแดนตะวันตก”
จวินลั่วได้ยินเช่นนั้น ก็ผงกศีรษะอย่างรู้ความ “ข้าเข้าใจ”
คนทั้งสองข้างกายนาง เหลียนเฉิงเป็นกังวลอยู่บ้าง ทว่าไม่กล้าพูด ใบหน้าเหลียนอิ๋งเผยสีหน้าอารมณ์ที่ทั้งอุตลุดทั้งห่อเหี่ยวออกมา
เดินตามเยี่ยนจ้าวเกอน่ะหรือ เข้าไปในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกลึก นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่กล้าจะคิด หากแต่จะหลีกหนีก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว
กระนั้นหากเยี่ยนจ้าวเกอจะทิ้งพวกเขาไว้ อย่างนั้นพวกเขาก็กลับไปเกาะทรายไม่ได้อยู่ดี
จวินลั่วกลับไม่กังวล นางเชื่อว่าเยี่ยนจ้าวเกอต้องมีแผนเป็นแน่แท้
ชายหนุ่มมองโดยรอบทั้งสี่ทิศ แล้วกล่าวกับผู้อาวุโสหลี่ว่า “จุดสนับสนุนตามแผนเดิมตั้งอยู่ที่ใดหรือขอรับ”
เดินอยู่ในทะเลทราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้สภาพแวดล้อมของมหาทะเลทรายแดนตะวันตกเช่นนี้ โดยทั่วไปล้วนตั้งจุดสนับสนุนตามความเคยชินทั้งสิ้น
ผู้อาวุโสหลี่เข้าใจความหมายของเยี่ยนจ้าวเกอ หลังคำนวณอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวตอบว่า “ทางที่ดีที่สุดเดินหน้าไปได้อีกหน่อย”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ท่านรู้จักสถานการณ์ของที่นี่เป็นอย่างดี ให้ท่านจัดการก็แล้วกัน”
จากนั้นเขากล่าวกับพวกจวินลั่วทั้งสามคนว่า “ข้าจะพาพวกเจ้าเดินหน้าไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากตั้งจุดสนับสนุนแล้ว ก็จะปล่อยพวกเจ้าอยู่ที่นั่น จะมีจอมยุทธ์สำนักข้าคุ้มกัน พวกเจ้าคอยท่าอยู่ที่นั่น ตอนที่ข้าเดินทางกลับ ค่อยพาพวกเจ้าออกจากทะเลทรายพร้อมกัน”
“ถ้าหากข้าต้องหยุดอยู่นานเกินไป ก็จะส่งคนพาพวกเจ้าออกไปอีกที”
ทั้งสามพลันผ่อนลมหายใจ จวินลั่วยิ้มกล่าว “ครานี้ลำบากศิษย์พี่เยี่ยนและท่านผู้อาวุโสสำนักเขากว่างเฉิงแต่ละท่านจริงๆ แล้ว”
ฝูงชนเคลื่อนกายออกเดินทาง ครั้นความคิดของจวินลั่วผ่อนคลายลงแล้ว ก็พลันถูกพ่านพ่านดึงดูดทันใด
ถึงแม้ว่าพ่านพ่านในขณะนี้จะขยายร่างกลับคืนแล้ว ขนาดร่างมหึมาเอาเรื่องอยู่บ้าง ใหญ่โตยิ่งกว่าช้างทั่วไปเสียอีก ทว่ายามไม่ได้เจอศัตรู มันมักจะมีท่าทีซุกซนไร้เดียงสาเช่นนั่นเสมอ ทำให้สาวน้อยเห็นแล้วชอบใจอย่างมาก
มองดูท่าทางของจวินลั่วที่กระโจนทั้งกายไปบนตัวพ่านพ่าน ร่างกายจมเข้าไปในขนหนาๆ ถูไปถูมา เยี่ยนจ้าวเกอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “พลังฝึกปรือเจ้ายังเบาบาง พรวดเข้ามาในสถานที่มหาทะเลทรายแดนตะวันตกเช่นนี้ได้อย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี