ชั่วขณะหนึ่งสายตาของทุกคนต่างมองมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ
สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่ง กล่าวด้วยความจริงจัง “ข้าจะตั้งมหาค่ายกลแดนมารของที่นี่ขึ้นใหม่”
ครั้นพูดเช่นนั้นออกไป เขาเห็นฝูงชนได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ในแววตาสือเถี่ยเองเผยแววประหลาดใจออกมาเล็กน้อยเช่นกัน ทว่าก็สงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวถาม “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามีอันตราย อันตรายนั่นหมายถึงอะไร? จะให้ข้าช่วย ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยตอบฉับไว “สร้างมหาค่ายกลแดนมารของที่นี่อีกครั้ง ใช้ประโยชน์จากค่ายกลนำพา ลากไอมารที่ถูกส่งไปยังเกาะนภาใต้ก่อนหน้า กลับมาที่นี่อีกครา”
สือเถี่ยได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดแทรก มองดูเยี่ยนจ้าวเกออย่างสงบนิ่ง รอชายหนุ่มพูดต่อไป
“ทำเช่นนี้ แก้ไขวิกฤตทางเกาะนภาใต้นั้นก่อน จากนั้นค่อยจัดการตรงหน้าพวกเราอีกที” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อ “ให้ข้าเป็นผู้ควบคุม ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องให้ยอดฝีมือระดับท่านอาจารย์ลุงใหญ่ลงมือ ใช้เจตจำนงหมัดของท่าน ผนึกกั้นการเปิดออกของประตูนพยมโลกที่นี่ไว้อีกครั้ง”
“ความเสี่ยงอันตรายอยู่ที่ไม่สามารถทำลายศูนย์กลางมหาค่ายกลแดนมารล่วงหน้าได้ ประตูนพยมโลกจะเปิดออกอย่างแท้จริงชั่วเสี้ยววินาที และถ้าหากไม่ปิดผนึกทันที กระนั้นนพยมโลกก็เป็นไปได้ที่จะมาถึงจริงๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็เท่ากับว่าอยู่ระหว่างเลวร้ายกับเลวร้ายยิ่งกว่า หากเลือกประการแรก พวกเราต้องหลั่งเลือดรบที่นี่ สกัดกั้นมารร้ายนพยมโลกที่รุกรานแปดพิภพไว้ ยื้อเวลาให้ยอดฝีมือคนอื่นๆ จากสำนักเรามาเสริมกำลัง”
สือเถี่ยมองเยี่ยนจ้าวเกอลึกล้ำแวบหนึ่ง “หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่ข้า มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนไหนๆ ก็ล้วนทำได้ หากแต่หัวใจสำคัญนั้นอยู่ที่เจ้า”
ชายหนุ่มพยักหน้า เอื้อนเอ่ยสงบเงียบ “ข้ามั่นใจอยู่เจ็ดส่วน”
“เจ็ดส่วน?” สือเถี่ยกล่าวซ้ำอีกรอบ แล้วจึงเอ่ย “มีเจ็ดส่วนจริง เช่นนั้นก็เพียงพอแล้ว พวกเราลงมือ!”
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปทางฝูงชนด้านข้าง “ท่านผู้อาวุโสทุกท่านโปรดยึดตามแผนที่ข้าได้กล่าว พวกเราตั้งค่ายกลขึ้นใหม่ให้เร็วที่สุด บัดนี้เวลากระชั้นอย่างยิ่งยวด”
มหาปรมาจารย์กว่างเฉิงกลุ่มหนึ่งสบตากัน ก่อนจะมองเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วมองสือเถี่ย แล้วทอดถอนใจขานรับปากอย่างไม่อินังขังขอบ
ถึงแม้จะหวาดระแวงและเป็นกังวลอยู่ในใจสักเพียงใด ทว่าตอนนี้เวลาคับขันนัก พวกเขาไม่มีเวลาจะลังเลแล้ว
เพราะหากเสียเวลาอีกเพียงน้อยนิด นพยมโลกก็จะมาถึงบนพื้นดินอุดมสมบูรณ์เป็นหมื่นลี้ของเกาะนภาใต้ที่ไร้การเตรียมป้องกันแม้แต่น้อย
ไม่นานนัก ตามเสียงตะโกนทุ้มต่ำของเยี่ยนจ้าวเกอ “เริ่ม!” ลวดลายค่ายกลสีดำหลากสายก็ปรากฏเห็นอยู่บนผืนดินกว้างในชั่วพริบตา
อาคมนับไม่ถ้วนเวียนวน แสงสีดำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แปรสภาพเป็นไอหมอกสีดำเป็นกลุ่มก้อน บดบังท้องฟ้าอาทิตย์
สายฟ้าแลบสีแดงโลหิตในหมอกดำกระหน่ำฟาดลงไม่หยุด เศร้ารันทดเขย่าขวัญ ส่วนลวดลายค่ายกลสีดำเปล่งแสงสุกสกาวมืดครึ้ม ให้ความรู้สึกประเภทคร่ำเครอะสุดจะทนแก่ผู้คน
พลังปราณน่าพรั่นใจปรากฏจำนวนมากอีกครั้ง ไม่ให้ความรู้สึกชั่วร้ายแก่ผู้คน แต่กลับทำให้จิตใจผู้คนว้าวุ่น ยากสงบจิตสงบใจ
พลังอันแปลกประหลาด คล้ายกับปลุกความปรารถนา ความคิดชั่วร้ายและความยึดติดที่ซ่อนอยู่ลึกที่สุดในก้นบึ้งจิตใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา อีกทั้งสุมมันให้ทวีคูณไม่หยุดยั้ง
บริเวณใจกลางค่ายกลแสงดำ เจดีย์สูงสีทององค์หนึ่งยกสูงขึ้นจากพื้นดิน ขณะแสงทองปรากฏมากมาย ราวกับมีชีวิตเป็นของก็ไม่ปาน ก่อตัวยกสูงไม่หยุดยั้ง
ภายใต้การฉุดดึงของแสงรุ่งโรจน์ ลวดลายค่ายกลสีดำแต่ละสายขวักไขว่ไปมาอยู่ในอากาศ ราวกับสายโซ่สีดำหลากสาย พันเกี่ยวบนเจดีย์สูงสีทอง จากนั้นประหนึ่งได้รับพลังมหาศาล สายโซ่ทุกเส้นตึงแน่นทั้งหมด ตึงเปรี๊ยะจนตรงแหน่ว
ยอดเจดีย์สูงสีทองปล่อยลำแสงสีแดงโลหิตออกมา ค่อยๆ ควบแน่นปรากฏกลายเป็นรูปร่างประตูบานหนึ่ง
ประตูแสงสีแดงบานนี้กระเพื่อมเฉกเช่นคลื่นน้ำ แสงสุกสว่างค่อยๆ สาดส่องไปบนพื้นผิวด้านหน้าเจดีย์สูงสีทอง สะท้อนรูปเงาประตูอีกบานออกมา
ไอหมอกสีดำภายในบริเวณขอบเขตปกคลุมมหาค่ายแดนมาร พลันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนภายหลังปรากฏเห็นข้นคลั่ก ราวกับดินเลน
ไอมารเริ่มก่อตัวเป็นแดนมารอันน่าประหวั่น คลุมครอบทั้งสี่ด้านแล้ว
นอกเขตไอมาร ผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทรายของสำนักเขากว่างเฉิงและบรรดายอดฝีมือคนอื่นๆ ต่างก็เพ่งมองแดนมารอันน่าพรั่นใจที่ปกคลุมเขตพื้นที่กว้างใหญ่นั่นด้วยความทุกข์ใจ
พวกเขาได้รับประกาศแจ้งจากสือเถี่ยแล้ว รับรู้ว่ามหาค่ายกลแดนมารในขณะนี้เป็นการสร้างขึ้นใหม่ภายใต้การควบคุมของตน
ทว่าการกระทำประเภทเล่นกับไฟเช่นนี้ ยังคงทำให้ทุกๆ คนรู้สึกร้อนอกร้อนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี