เหยียนซวี่จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ ฝ่ายหลังยิ้มจางๆ รอด้วยความสงบ ไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไรอีก
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญามองพวกเขาทั้งสองคนแล้วถอนหายใจครั้งหนึ่ง “เคล็ดลับนี้ ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ในคัมภีร์ต่างๆ ของสำนักก็ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้”
“ศิษย์หลานเยี่ยนเจ้าอาจเป็นผู้ค้นพบคนแรก ก่อนอื่นไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องบันทึกลงเป็นความดีความชอบของเจ้า”
“ส่วนผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งหุบเขาวายุวิญญาณจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น ต้องรอเรียกเขามาพบและซักถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อน จึงจะตัดสินใจได้”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแล้วพูดว่า “ความลับของแก่นสารหยก เบื้องต้นควรจะควบคุมให้รู้ในขอบเขตที่แน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรวิธีการที่จะได้สารมาก็ง่ายมาก”
“นอกจากหุบเขาวายุวิญญาณแล้ว โลกก็ยังใหญ่นัก ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่ผลิตศิลาลายเมฆอยู่ ของสิ่งนี้ยังเทียบไม่ได้กับแก่นสารหยก”
“ทางสำนักเองก็ต้องการแก่นสารหยกเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่มีน้อยย่อมมีค่ามากกว่า หากต้องการจะผูกขาดก็ควรจะปกปิดข้อมูลไว้ให้ดี”
“เพื่อไม่ให้เป็นเป้าสังเกต การขุดหาก็ควรจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสทางสำนักจะต้องมีการพิจารณารอบด้าน เรื่องนี้ก็คุยกันเท่านี้ก่อนเถอะขอรับ”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญากล่าวว่า “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว”
เขามองเหยียนซวี่แวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับหลายฝ่ายทีเดียว ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาของอาณาจักรถังตะวันออกเท่านั้นแล้ว อีกทั้งไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของเกาะนภาตะวันออกแล้วด้วย จำเป็นต้องให้ทางสำนักเป็นฝ่ายตัดสิน”
เหยียนซวี่มีสีหน้านิ่งชา พลางผงกศีรษะ “ข้าเห็นด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่อว่า “เพียงแต่ว่า ความสำคัญของหุบเขาวายุวิญญาณ ณ ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่อดีตจะเทียบเคียงได้อีกต่อไป ก่อนที่จะได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากทางสำนัก ก็ยังคงต้องรักษาความมั่นคงเอาไว้ ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจที่กำลังรอการสอบสวนคนหนึ่งยังประจำการณ์อยู่ที่นั่นเช่นเดิม เช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือขอรับ”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญานิ่งเงียบไปเล็กน้อย ดวงตาเหยียนซวี่หรี่ลงเป็นเส้นตรง ในแววตาแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา
“เยี่ยนจ้าวเกอ นี่ใช่เรื่องที่เจ้าสามารถสอดมือได้หรือ?”
“เจ้าสร้างผลงานเรื่องศิลาลายเมฆไว้ก็จริง ทว่าการแต่งตั้งหรือปลดตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ และการกำหนดคนที่จะมาประจำการใช่สิ่งที่เจ้าจะมีส่วนร่วมได้หรือ?”
“อย่าได้ใจจนลำพองตัว!”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เหวินหนิงจือเป็นคนสนิทของท่านผู้อาวุโสเหยียน ท่านก็ต้องรู้จักเขาดีมากกว่าข้าแน่อยู่แล้ว”
ความเยือกเย็นภายในดวงตาของเหยียนซวี่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก เขาจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไร
คนสนิทของท่านอาจคบค้ากับศัตรู เช่นนั้นแล้วท่านเล่า?
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญามองเยี่ยนจ้าวเกอพลางถอนหายใจเบาๆ
แสดงนิสัยไม่ยอมเสียเปรียบ และใช้อำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าผู้อาวุโสปฎิบัติกิจก็ช่างเถอะ ทว่าเขายังกล้าดื้อด้านต่อหน้าผู้อาวุโสคุมการณ์อีกด้วย กระนั้นครั้งนี้เขาก็ไม่มีหลักฐานอยู่จริงๆ เพียงแค่เดินทางมาซักถามเยี่ยนจ้าวเกอตามความสงสัยเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ยืนยันได้ว่าเหวินหนิงจือรู้ความลับเรื่องศิลาลายเมฆ ถึงกระนั้นจะไม่ตรวจสอบได้อย่างไร
เขาเองรู้อยู่แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอกำลังโจมตีกลับ แต่ใครจะรับประกันได้ว่าเหวินหนิงจือจะไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ
ถึงแม้จะบอกว่าผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่เพียงแค่นึกถึงทุกๆ ปีที่ผ่านมา มีการส่งออกศิลาลายเมฆจำนวนมากมายมหาศาล ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย
ส่วนเรื่องที่เหวินหนิงจือกล่าวฟ้องเยี่ยนจ้าวเกอนั้น กลายเป็นสาเหตุการต่อสู้กันของแต่ละฝ่าย และมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นความแค้นส่วนตัวที่เกิดขึ้นจากเรื่องของผู้อาวุโสชุยมากกว่า
ราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกก็พูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “แม้ว่าหุบเขาวายุวิญญาณจะตั้งอยู่ในเขตของถังตะวันออก แต่ก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขากว่างเฉิง คงไม่เหมาะที่ข้าจะพูดอะไรมากนัก เพียงแต่ว่าการขุดหาแก่นสารหยกในภายภาคหน้า ก็ขอให้เหลือเผื่อถังตะวันออกของข้าด้วย ส่วนราคา แน่นอนว่าจะไม่ทำให้เขากว่างเฉิงขาดทุนเป็นแน่ ทุกอย่างยึดตามกฎกติกา”
“ช่วงสองปีมานี้การผลิตแก่นสารหยกของภูผาพิภพและวายุพิภพค่อนข้างขาดแคลนและแร้นแค้นเป็นอย่างยิ่ง ถังตะวันออกของข้าเองก็มีความต้องการอย่างเร่งด่วน ต้องรบกวนเขากว่างเฉิงให้การสนับสนุนด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี